นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดเผยว่า "กฟภ. ได้ให้การสนับสนุนงาน ไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งงานในปีนี้ยังคงผนวกการจัดงาน ไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์ ร่วมด้วย เพื่อให้เนื้อหาของงานมีความหลากหลายและครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น การเติบโตอย่างต่อเนื่องของการจัดงานเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงนวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่าง เทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ และการบริหารจัดการพลังงานแห่งภูมิภาคอาเซียน ช่วยสนับสนุนการเติบโตและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจในตลาดโลก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนทางเศรษฐกิจของประเทศไทย""ในปีนี้ ยังมีการนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นที่ทันสมัย ตอบสนองความต้องการและรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เน้นความสะดวก รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงธุรกิจด้านการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ธุรกิจ Solar Rooftop และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผู้สนใจสามารถสัมผัสนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ได้จากบูธนิทรรศการของ กฟภ. และบูธต่างๆ ภายในงาน นอกจากนี้ กฟภ. ยังมีการจัดงานสัมมนาให้ความรู้ ด้านเทคโนโลยีระบบไฟฟ้าเพื่อการประหยัดพลังงานในหลายหัวข้ออีกด้วย" นายเสริมสกุล กล่าวเสริมนางสาวกนกพร ดำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB (ทีเส็บ) กล่าวว่า "ทีเส็บ มีพันธกิจหลักในการสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาอุตสาหกรรมการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การจัดประชุมนานาชาติ และการแสดงสินค้านานาชาติ หรืออุตสาหกรรมไมซ์ของไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการจัดงานไมซ์ในภูมิภาคเอเชีย จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทีเส็บได้มีส่วนร่วมสนับสนุนงาน Thailand Lighting Fair เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันในปีนี้ และขอชื่นชมผู้จัดงานที่สามารถยกระดับการจัดงานให้มีขอบข่ายงานที่เติบโตและครอบคลุมมากขึ้น จนงานในปีนี้มีองค์ประกอบของ 3 งานที่เกี่ยวข้องรวมอยู่ด้วยกัน ทั้งงานนวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่าง งานเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ และงานเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของทีเส็บในปีงบประมาณ 2019 ที่ได้มีการพัฒนาแนวทางใหม่ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนงานที่มีดัชนีชี้วัดการเติบโตหรือการยกระดับของการจัดงานที่ชัดเจน"นายฮูเบิร์ต ดูห์ กรรมการผู้จัดการ เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต นิว เอร่า บิสซิเนส มีเดีย กล่าวว่า "งานไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ จัดขึ้นพร้อมกับงาน ไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์ ตามแนวทางงาน light+building ของเมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นงานที่มีชื่อเสียงระดับโลกและประสบความสำเร็จสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดงานเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สามารถทำลายสถิติผู้ร่วมแสดงงานสูงถึง 2,714 รายและผู้เข้าชมงานจำนวน 220,000 คน งานไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ เป็นแพลตฟอร์มงานแสดงสินค้าและนวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นนำด้านไฟฟ้าแสงสว่าง และระบบไฟฟ้าอัจฉริยะที่รวบรวมผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่างทั้งไฟในอาคาร นอกอาคารและไฟเพื่อการพาณิชย์ เพื่อการใช้งานในเมือง และไฟประดับตกแต่งในเชิงสถาปัตยกรรม ตลอดจนชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตลาดในอาเซียนมีความต้องการสูง ในส่วนของงานไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์ ผู้เข้าชมงานจะได้พบกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีระบบอาคารอัจฉริยะที่สามารถประสานการทำงานกับเทคโนโลยีไอโอทีและก่อให้เกิดอาคารที่ปลอดภัย สะดวกสบายต่อผู้อยู่อาศัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันยังมีการจัดแสดงเทคโนโลยีโซลาร์ที่ดึงพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ร่วมกับไฟแอลอีดีอีกด้วย""เรามีความมุ่งหวังให้งานไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ 2018 และ ไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์ 2018 เป็นเวทีกลางสำหรับผู้ประกอบการได้พบกับผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้งเทคโนโลยีระบบอาคารอัจฉริยะและการใช้พลังงานทดแทนหรือโซลาร์เทคโนโลยีกับอาคาร อีกทั้งยังเป็นเวทีสำคัญที่มอบโอกาสเจรจาต่อยอดธุรกิจอีกด้วย" นายฮูเบิร์ต กล่าวเสริมนางสาวพาขวัญ เจียมจิโรจน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดิ เอ็กซ์ซิบิส จำกัด เปิดเผยว่า งาน Thailand Lighting Fair 2018 เป็นงานที่ 14 ในทำเนียบงานแสดงสินค้าด้านไฟฟ้าแสงสว่างจากทั่วโลกของเมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต โดยมีงาน light+building ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นงานต้นแบบ ทำให้ในปีนี้มีบริษัทเจ้าของเทคโนโลยีด้านไฟฟ้าแสงสว่างชั้นนำจากประเทศทางยุโรปและเอเชียเข้าร่วมออกบูธมากขึ้นผ่านเครือข่ายของเมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต กว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยมีจำนวนบูธกว่า 300 บูธ สัดส่วนของพื้นที่การจัดงาน 70% จะเป็นงานไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ และ 30% เป็นส่วนของงาน
ไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะพัฒนาและยกระดับงานให้มีความสมบูรณ์ทั้งด้านไฟฟ้าแสงสว่างและอาคารอัจฉริยะที่มีความเป็นสากลยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งผู้แสดงงานและผู้เข้าชมงาน
นอกจากบูธแสดงผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีจากนานาประเทศถึง 300 บูธแล้ว ภายในงานยังมีสัมมนาฟรีด้านการออกแบบแสงและอาคารเพื่อประหยัดพลังงาน แนวคิดในการใช้ดีไซน์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้เพิ่มให้ธุรกิจ อาทิ "Designer Talk: Convergent Thinking ต่อยอดธุรกิจด้วยดีไซน์" Wazzadu Talk3: Wow Experience รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อบ้านอัจฉริยะ อาคารอัจฉริยะ และที่จอดรถอัจฉริยะ ในหัวข้อ Smart Homes & Building Solutions-Applications & Security, Smart Parking-Solutions, Development & Trends รวมถึงเทคโนโลยี แนวทางการลงทุน และแผนยุทธศาสตร์ด้านโซลาร์ นอกจากนี้ยังมีสัมมนาหลักสูตรประกาศนียบัตรจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในหัวข้อการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ที่พิเศษในปีนี้คือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคร่วมกับสมาคมบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) จัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching Program) ขึ้นเพื่อให้คำปรึกษาฟรีด้านการบริหารจัดการพลังงานเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายแก่ผู้ประกอบการที่เข้ามาชมงาน โดยกิจกรรมนี้จะมีบริษัทเข้าร่วมให้คำปรึกษากว่า 10 บริษัทภายในห้องสัมมนาของพีอีเอพาวิลเลี่ยนต่างๆ ภายในงาน ได้แก่ พาวิลเลี่ยนนักออกแบบแสงและสถาปนิกไทย (Thai Designers & Architects Pavilion) พื้นที่แสดงผลงานของนักออกแบบและสถาปนิกรุ่นใหม่ไฟแรง พร้อมบริการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ดีไซน์ช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของตัวเอง โซลาร์ โซน (Solar Zone) โซนที่รวบรวมผู้ประกอบการที่ให้บริการ และคำปรึกษาด้านการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อการประหยัดพลังงานแบบครบวงจร อาทิ บริษัท เซล่าฟิม โซลาร์ ซิสเต็ม (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท กันกุล โซลาร์ คอมมูนิตี้ จำกัด บริษัท คลีนแมกซ์ ไอเอชคิว (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทยโซลาร์ฟิวเจอร์ จำกัด
"ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสมาร์ทไลท์ติ้งและสมาร์ทโฮม รวมทั้งการใช้แอปพลิชั่นต่างๆ เข้ามาใช้กับระบบไฟฟ้าแสงสว่างจะมีแนวโน้มการเติบโตที่เห็นได้ชัดเจน ตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายมากขึ้นนอกจากนั้น เทคโนโลยี IOT ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ด้านไฟฟ้าแสงสว่างที่ปัจจุบันไม่ใช่เป็นเพียงแค่หลอดไฟแต่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ซึ่งนับเป็นเทรนด์ที่มาแรงโดยเฉพาะอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับบ้านอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทโฮม ที่ต้องควบคุมการทำงานได้ด้วยสมาร์ทโฟนหรือแทบเลต ในขณะเดียวกัน อาคารบ้านเรือน โรงงานและเมืองก็ต้องการสมาร์ทไลท์ติ้งเพื่อการประหยัดพลังงานเป็นสำคัญ"นางสาวพาขวัญ กล่าวในตอนท้าย
สำหรับตลาดไฟส่องสว่างของไทยในปี 2560 ตามตัวเลขของศูนย์วิจัยกสิกร มีมูลค่า 3.73 พันล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 38 เปอร์เซ็นต์หรือกว่า 5 พันล้านบาทภายในปี 2563
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าร่วมงานและสัมมนาฟรีระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน ศกนี้ ได้ที่เว็บไซต์ www.thailandlightingfair.com หรือติดต่อ บริษัท ดิ เอ็กซ์ซิบิส จำกัด โทรศัพท์: 02 664 6499 ต่อ 200, 201 และ 212 โทรสาร: 02-664-6477 อีเมล์: info@thailandlightingfair
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit