1. เครื่องดื่มยามเช้า เป็นที่กล่าวกันว่า เกษตรกรสวนมะกอกในสมัยก่อนดื่มน้ำมันมะกอกวันละหนึ่งขวดในตอนเช้าทำให้พวกเขาสุขภาพดีมีอายุยืน2 ในปัจจุบันผู้คนในหลายภูมิภาคโดยเฉพาะในแถบเมอดิเตอเรเนียนนิยมดื่มน้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์พิเศษ 1/4 แก้ว แล้วตามด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำเลมอนในทุกๆ เช้า เพราะเชื่อว่าการทำเช่นนี้ช่วยกระตุ้นระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากทั้งน้ำมันมะกอกและน้ำมะนาวมีคุณสมบัติในการดีท็อกซ์ร่างกาย น้ำมันมะกอกมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายและช่วยให้เส้นเลือดแข็งแรงขึ้น ในขณะที่เลมอนอุดมไปด้วยวิตามิน นอกจากนี้ การดื่มน้ำมันมะกอกในตอนเช้ายังช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักอย่างเป็นธรรมชาติ
2. สุดยอดบาล์มบำรุงผิวกาย ในสมัยโรม นอกจากที่ผู้คนนิยมทานผลมะกอกทั้งลูกระหว่างอาหาร น้ำมันมะกอกยังได้รับความนิยมในการดูแลความงามและการแพทย์ บิดาแห่งการแพทย์ตะวันตกอย่าง ฮิปพอคราทีส ได้พูดถึงประโยชน์ของน้ำมันมะกอกทางการแพทย์ไว้ถึง 60 ประการ อาทิเช่น รักษาโรคผิวหนัง แผลสดและแผลไฟไหม้ โรคทางนรีเวช โรคติดเชื้อทางช่องหู และอื่นๆ อีกมากมาย น้ำมันมะกอกสามารถเยียวยาอาการดังกล่าวเพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างไฮโดรเจนไซยาโนโซลและเปอร์ออกไซด์
3. น้ำหอมและสบู่สูตรธรรมชาติ ระหว่างช่วงอาณาจักรโรมันที่ยังไม่มีสบู่ ชาวโรมันจะทำความสะอาดผิวกายด้วยทาน้ำมันมะกอกให้ทั่วร่างกาย แล้วใช้เครื่องมือโลหะขัดตัว เพื่อขจัดฝุ่นละอองและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวนุ่มนวล เรียบลื่น และชุ่มชื้น น้ำมันมะกอกมักถูกแต่งกลิ่นด้วยน้ำมันหอมระเหยต่างๆ และเทลงไปในอ่างอาบน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายซึ่งยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหย ในปัจจุบัน น้ำมันมะกอกเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสารทำความสะอาดจากธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพและเป็นตัวเลือกที่อ่อนโยนสำหรับทุกวัยตั้งแต่ทารกจนถึงผู้ใหญ่ นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานว่า น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันที่ถูกใช้ในการปรุงน้ำหอมอียิปต์โบราณอีกด้วย
4. ใช้ถนอมอาหาร ก่อนการถือกำเนิดของตู้เย็น การบริโภคอาหารตามฤดูถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนในยุคก่อน แต่ ด้วยปริมาณผักและผลไม้ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่มีมากเกินความต้องการ การถนอมอาหารจึงช่วยให้คนโบราณสามารถเก็บอาหารไว้ในสภาพที่เหมาะสม เป็นการป้องกันออกซิเจนและจุลินทรีย์จากอาหาร การใช้น้ำมันมะกอกสำหรับถนอมอาหารจึงเป็นวิธีง่ายๆ แต่ได้ประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการ วิตามิน และรสชาติต่างๆ ของอาหารไว้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากมะเขือเทศ อาติโช้คอ่อน พริกหวาน มะเขือยาว ชีส หรือโหระพาสำหรับทำซอสเพสโต้ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ยังช่วยถนอมเนื้อสัตว์อย่างปลาทูน่า ปลาซาร์ดีนส์ หรือเนื้อซี่โครงหมู ให้คงรสชาติไว้ได้นาน
5. เสริมสมรรถนะร่างกายให้นักกีฬา การใช้น้ำมันมะกอกในเวชศาสตร์การกีฬาในยุคโบราณได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก โดยในงานวิจัยที่ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Archives of Medical Science3 ได้กล่าวไว้ว่า น้ำมันมะกอกถูกนำมาใช้ในการป้องกันการบาดเจ็บระหว่างการแข่งขันในสมัยกรีกโบราณ ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นต้นกำเนิดของกีฬาโอลิมปิกส์ ในศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล นักกีฬา โดยเฉพาะนักกีฬามวยปล้ำ จะได้รับการเตรียมร่างกายก่อนลงสนามด้วยการนวดด้วยน้ำมันมะกอก ซึ่งเทคนิคนี้เชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากชาวเอเธนส์ การนวดร่างกายด้วยน้ำมันมะกอก นอกจากจะช่วยเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนลงสนาม ยังช่วยให้การหมุนเวียนของโลหิตดีขึ้น ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของนักกีฬา การนวดหลังจากออกกำลังกายโดยใช้น้ำมันมะกอกก็ยังช่วยลดกรดแลคติคให้เร็วขึ้น ส่งผลให้นักกีฬาฟื้นตัวหลังการแข่งขันได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ที่มา
1 https://en.wikipedia.org/wiki/Olive_oil
2 https://www.theepochtimes.com/10-ancient-uses-of-olive-oil_228883.html
3 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3298328/
เกี่ยวกับเบอร์ทอลลี่
เบอร์ทอลลี่ ก่อตั้งโดยมร. ฟรานเชสโก เบอร์ทอลลี่ ในปี 1865 ที่เมืองลุคคา แคว้นทัสคานี แบรนด์เบอร์ทอลลี่(R) ถือเป็นหัวใจสำคัญในการประกอบอาหารอิตาเลียนและวัฒนธรรมการกินแบบอิตาเลียน ในฐานะแบรนด์น้ำมันมะกอกที่เป็นที่ชื่นชอบในระดับโลก (ภายใต้แบรนด์ดีโอเลโอ) มานานกว่า 150 ปี พันธกิจของเบอร์ทอลลี่(R) คือการรักษาคุณภาพ ความมุ่งมั่นในการดึงความพิเศษจากส่วนผสมต่างๆตามธรรมชาติออกมาให้กับการปรุงอาหาร และการรักษาวัฒนธรรมในการสรรค์สร้างอาหารให้มีรสชาติโดดเด่น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ https://www.facebook.com/BertolliTH/
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit