เปิดตัวโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ โรงเรียนมาตรฐานระดับโลก จากประเทศอังกฤษ

08 Nov 2018
เปิดตัวโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ โรงเรียนมาตรฐานระดับโลก จากประเทศอังกฤษ อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ พร้อมเผยเคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้มีพัฒนาการดีอย่างสมวัยของ 5 ครอบครัวเซเลบริตี้ชื่อดัง
เปิดตัวโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ โรงเรียนมาตรฐานระดับโลก จากประเทศอังกฤษ

เพราะการศึกษาคือพื้นฐานของความสำเร็จที่เปรียบเสมือนเป็นบันไดสำคัญก้าวหนึ่งของชีวิต การศึกษาที่ดีย่อมส่งผลให้ผู้เรียนสามารถค้นหาและพัฒนาตนเองไปได้อย่างรวดเร็ว โดยล่าสุด ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ นักบริหารหัวคิดสมัยใหม่จึงได้เปิดตัว โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ โรงเรียนอินเตอร์มาตรฐานระดับโลก จากประเทศอังกฤษ ที่ครบครันทั้งความรู้ด้านภาษา วิชาการ และกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ตอบโจทย์ความต้องการของพ่อแม่ยุคใหม่ที่อยากให้ลูกสามารถค้นหาความชอบและความถนัดได้ในแบบของตนเองได้อย่างไม่รู้จบ

ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ ประธานกรรมการโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ กล่าวถึงความสำคัญของการเรียนโรงเรียนนานาชาติ และจุดเด่นของโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ ว่า 'จุดเด่นของโรงเรียนนานาชาตินั้นนอกจากจะให้ความสำคัญเรื่องภาษาอังกฤษและภาษาต่างชาติแล้ว ยังช่วยให้เด็กมีสังคมและรู้จักกับวัฒนธรรมที่หลากหลายเชื้อชาติมากยิ่งขึ้น โดยเวลลิงตันนั้นนอกจากความรู้ด้านวิชาการแล้ว เราให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษและภาษาจีนแมนดารินซึ่งเป็นภาษาสากลของโลก พร้อมปลูกฝังให้เด็กๆ เห็นคุณคุณค่าในภาษา วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมไทยด้วย รวมถึงกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เช่น กีฬา ศิลปะ หรือดนตรี เพราะต้องการให้เด็กได้ค้นหาความชอบและความถนัดของตนเองได้อย่างเป็นอิสระ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ให้สนุกและน่าสนใจ ท่ามกลางธรรมชาติและอากาศอันบริสุทธิ์ เราเชื่อว่าอัตลักษณ์ที่ชัดเจนของเวลลิงตันจะช่วยให้เด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์'

โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ โรงเรียนชั้นนำด้านการศึกษาจากประเทศอังกฤษ ที่มีประวัติการก่อตั้งมายาวนานเกือบ 160 ปี ซึ่งมาเปิดในไทยเป็นแห่งแรกของภูมิภาคอาเซียน บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ พร้อมสถานที่ที่ถูกออกแบบมาให้ตอบรับกับฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นตึกเรียนที่ถูกจัดสรรอย่างลงตัวในรูปแบบของห้อง Learning Studio ห้องเรียน ห้องสมุด ห้องดนตรี และห้องศิลปะ ซึ่งทุกพื้นที่สามารถเชื่อมต่อเข้าถึงกันได้ สะท้อนการใช้ชีวิตจริง ให้บรรยากาศที่อบอุ่นในตลอดระยะเวลาของการเรียนการสอน รวมถึงโรงยิม สระว่ายน้ำ และสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกกิจกรรมหลากหลายที่นักเรียนสนใจ

โดยหลักสูตรของเวลลิงตันนั้นจะเน้นการสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้การเรียนรู้กลายเป็นเรื่องสนุก เพื่อให้เด็กได้ค้นหาความชอบและความสามารถที่โดดเด่นของตนเอง พร้อมปลูกฝังให้เห็นถึงคุณค่าของการใฝ่หาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ รวมถึงทักษะความสามารถในการดูแลตนเองและผู้อื่น แม้กระทั่งการยอมรับถึงความแตกต่างของแต่ละคน ซึ่งจะสามารถทำให้เด็กสามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดีเมื่อเผชิญการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจมาถึงในอนาคต นอกจากหลักสูตรด้านวิชาการและการเสริมสร้างสุขภาพทางอารมณ์แล้ว เวลลิงตันยังจัดให้มีกิจกรรมการเรียนเสริมที่แตกต่างกันไปสำหรับนักเรียนแต่ละคน รวมถึงกิจกรรมเพิ่มทักษะ ซึ่งเหมาะกับนักเรียนที่ต้องการเพิ่มทักษะในด้านต่างๆ ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษา กีฬา หรือศิลปะ โดยบุคลากรมากประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญการเรียนการสอนในระดับสูงตามมาตรฐานของประเทศอังกฤษ โดยเวลลิงตันได้เปิดสอนในระดับอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 (Year 6) ตั้งแต่อายุ 2-11 ขวบ และจะขยายไปถึงอายุ 18 ปี ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (Year 13) ในปี พ.ศ. 2564

นอกจากนี้เหล่าครอบครัวเซเลบริตี้ที่มาในงานเปิดตัวยังได้แนะนำเคล็ดลับเสริมสร้างทักษะให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีอย่างสมวัย เริ่มจาก หนุ่มนักธุรกิจเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางศรีจันทร์ รวิศ หาญอุตสาหะ เล่าว่า 'เรามีลูกสองคนเป็นผู้หญิงทั้งคู่ นิสัยก็จะไม่ค่อยเหมือนกัน อย่างคนโตเขาจะชอบอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ แต่คนเล็กจะชอบทำกิจกรรม ชอบออกไปวิ่งเล่น เราก็จะพยายามจัดสรรให้เขาได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และพยายามใช้เวลากับเขาให้เยอะที่สุด ในทุกวันก็จะให้เขาเล่าให้ฟังว่าวันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง เพื่อให้เราได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ช่วงเย็นก็จะหาเกมส์สนุกๆ มาเล่นกัน เพราะอยากให้เขาเป็นคนช่างสงสัย ซึ่งเราก็เป็นฝ่ายถามเพื่อให้เขารู้จักคิดหาคำตอบ ก่อนนอนก็จะอ่านหนังสือให้ฟังทุกคืนเพื่อต้องการปลูกฝังให้รักการอ่านและใฝ่รู้ตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ครอบครัวเราจะงดกิจกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และพาเขาออกไปข้างนอก ไปทำกิจกรรมเปิดหูเปิดตาอย่างไปบ้านเด็กกำพร้า เราก็จะสอนให้เขารู้จักการแบ่งปันตั้งแต่ยังเด็ก'

ต่อมาที่คุณแม่ยังสวย ธรรศจรส เอวาสี เผยว่า 'เราจะเลี้ยงลูก (น้องอาณิขน์ พุสวานิ) เองเป็นหลักซึ่งจะดูแลทั้งเรื่องกิจวัตรประจำวันและการใช้ชีวิตโดยรวมของเขา ในแต่ละวันก็จะใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ ซึ่งจะเน้นให้กินโปรตีน ผักผลไม้ ควบคุมแป้งบ้าง ส่วนขนมก็ให้กินได้แต่จะต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับเรื่องการเสริมสร้างพัฒนาการเราจะให้เวลากับลูกค่อนข้างเยอะ นอกเหนือจากในห้องเรียนถ้าเขาอยากไปไหนก็จะพาไป ด้วยความที่เป็นเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ก็จะอยากไปวิ่งเล่นกับเพื่อน ไปเข้าแคมป์ เราก็จะสนับสนุนตรงนี้เต็มที่เพราะมองว่าเป็นวัยของเขาที่อยากจะเล่นอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเวลาที่เขาอารมณ์เสียหรือหงุดหงิด ก็จะเข้าไปกอดสักพัก และจะพยายามอธิบายให้เขาฟังว่าที่เป็นแบบนี้เพราะอะไร เราจะไม่ค่อยตีลูก แต่เน้นคุยกันให้เข้าใจมากกว่า'

ถัดมาที่สาวเก่งเจ้าของธุรกิจดังปูดองอันยอง พชิราภาฐิย์ ยุวสกุลไกร เล่าว่า 'การเลี้ยงลูกของครอบครัวเราพ่อกับแม่จะแบ่งหน้าที่กัน พ่อเขาจะเป็นคนเล่นกับลูกตามใจลูก ส่วนเราก็ตามใจเหมือนกันแต่ยกเว้นเรื่องกิจวัตรประจำวันที่ต้องเป๊ะตามที่เราวางไว้ แต่ด้วยวัยของเขาที่เป็นเด็กผู้ชาย 2 ขวบ กับ 3 ขวบ ก็มีงอแงบ้าง เราก็จะอธิบายกับเขาตรงๆ ให้เขาได้รับฟังสิ่งที่ไม่ถูกใจเพื่อยอมรับและปรับปรุงตั้งแต่ยังเด็ก อีกอย่างที่เราอยากปลูกฝังกับเขาเลยก็คือเรื่องของภาษาเพราะเรารู้สึกว่าทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ที่ส่งเขาเข้านานาชาติตั้งแต่ยังเด็กเพราะอยากให้เขารู้จักการปรับตัว และเราเองก็อยากให้อิสระกับเขาด้วย ส่วนวันว่างที่อยู่ด้วยกันถ้าเขาอยากทำอะไรเราก็จะตามใจเขาเลย เพราะมองว่าตอนอยู่ในโรงเรียนเขาก็เรียนและทำกิจกรรมอย่างเต็มที่แล้ว ฉะนั้นวันหยุดก็เป็นเวลาพักผ่อนของเขา'

คนต่อมาหนุ่มรักรถ-นักสะสมตัวยง ดร.เชษฐา ส่งทวีผล เล่าว่า 'ครอบครัวเราจะเลี้ยงลูกตามแบบฉบับของคนไทยทั่วไปที่เน้นเรื่องระเบียบวินัยและสัมมาคารวะ แต่ด้วยความที่เราเป็นนักธุรกิจต้องทำงานกับลูกค้าชาวต่างชาติถึง 80% จึงทำให้เห็นว่าภาษาเป็นเรื่องสำคัญ ก็เลยอยากปลูกฝังเรื่องภาษาอังกฤษกับภาษาจีนให้กับเขา ในอนาคตไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ควรมีภาษาไว้เป็นพื้นฐานก่อน แต่นอกเหนือจากภาษาแล้วก็จะให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพ ในทุกวันหยุดก็จะพาลูกๆ เข้ายิมไปออกกำลังกาย เล่นกีฬา หรือกิจกรรมขี่ม้า เพราะอยากฝึกให้เขารู้จักการดูแลสุขภาพตั้งแต่ยังเด็ก และนอกจากเรื่องสุขภาพแล้วกิจกรรมเหล่านี้ก็จะช่วยเสริมทักษะด้านอื่นให้เขาได้ด้วย เช่น เรื่องสมาธิ และการตัดสินใจที่ดี'

ปิดท้ายที่ จิราภา จันทร์กิติสกุล เผยว่า 'เราอยากให้ลูก (น้องแทนใจ โศภิตจิรพาส) มีความเป็นตัวของตัวเอง อยากให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร ก็เลยอยากให้เรียนในที่ที่สามารถดึงความเป็นตัวตนของเขาออกมาได้ และมีความคิดความอ่านที่ดี แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการอบรมสั่งสอนจากครอบครัว อย่างเรามีลูกคนเดียวก็จะสอนให้เขากล้าแสดงออก เข้าสังคมเป็น ก็ต้องสร้างความมั่นใจให้เขาว่าการแสดงออกนั้นมันไม่ใช่เรื่องผิด อีกหนึ่งสิ่งสำคัญของเด็กวัย 5 ขวบ ก็คือการสอนให้เขารู้จักในเรื่องของอารมณ์ ถ้าเขากำลังโกรธเราก็จะบอกว่าตอนนี้หนูกำลังโกรธอยู่นะ เพื่อให้เข้าใจว่าที่เขากำลังเป็นเรียกว่าอะไรที่ พอโตขึ้นมาจะได้รู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาวะอะไร และควบคุมอารมณ์ได้ นอกเหนือจากนี้ถ้าเป็นช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เราก็จะให้เวลากับเขาอย่างเต็มที่เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และให้เขารู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น เราเองก็ได้เรียนรู้อะไรจากเขาเยอะมาก ได้ฟังมุมมองความคิดที่ทำให้รู้สึกว่าเขาก็โตขึ้นแล้วนะ'

เสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ให้กับลูกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดที่ โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพกรีฑา โดยสามารถติดตามข้อมูลได้ทาง Facebook :Wellington College International School Bangkok หรือ www.wellingtoncollege.in.th หรือโทรศัพท์ 02 087 8888

HTML::image(