ธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) ในปี 2561 มีรายได้คิดเป็นมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท น่าจะขยายตัว 12.8 % จากปี 2560 และคาดว่าปี 2565 ตลาด e-Commerce ของไทยจะมีมูลค่าถึง 1.9 แสนล้านบาท ท่ามกลางโอกาสทางธุรกิจในการสร้างรายได้ผ่านช่องทางออนไลน์นี้ สิ่งหนึ่งที่ท้าทายผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซในปัจจุบันคือการจัดการกับร้านค้าออนไลน์ที่มักกระจายตัวในหลากหลายช่องทาง สร้างความยุ่งยากให้กับผู้ประกอบการในการบริหารจัดการ
แต่ด้วยโทเทิ่ลโซลูชั่นของ BentoWeb ผู้ประกอบการจะสามารถจัดการกับโอเปอร์เรชั่นหลักๆ ให้กับธุรกิจ E-commerce ได้จากระบบส่วนกลาง ตั้งแต่ขั้นตอนการสต๊อกสินค้า การทำการตลาดและที่รวบรวมข้อมูลทุกอย่างรวมกับฐานข้อมูลหลัก ทั้งข้อมูลสินค้า ราคา สต๊อก โปรโมชั่น ข้อมูลลูกค้า และระบบการชำระเงิน ไว้ที่ระบบหลังบ้านเป็นก้อนเดียวกัน เพื่อให้เจ้าของร้านค้าออนไลน์สามารถบริหารจัดการข้อมูลทุกอย่างได้ง่ายขึ้น และบริหารจัดการระบบบัญชีได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น
นางสยุมรัตน์ มาระเนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า "SME เปรียนสเมือนเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย และเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ปัจจุบันผู้ประกอบการมีการปรับโมเดลธุรกิจหันมาใช้ E-Commerce เข้ามาเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มยอดขาย แต่อาจประสบปัญหาที่ความยุ่งยากในการบริหารจัดการกับร้านค้าออนไลน์ที่อยู่บนหลากหลายช่องทาง ธนาคารยูโอบีจึงต้องการเข้ามาช่วยผู้ประกอบการในการหาโทเทิ่ลโซลูชั่นส์ หรือตัวช่วยที่จะเข้ามาช่วยให้การบริหารธุรกิจง่ายและสะดวกขึ้น"
ความร่วมมือครั้งนี้ลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารยูโอบีจะสามารถทดลองใช้แพคเกจการจัดการธุรกิจแบบมืออาชีพฟรีเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งจะครอบคลุมทุกโซลูชั่นส์ที่ผู้ประกอบการค้าปลีกต้องการ นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ และร้านค้าสามารถตรวจสอบรายการได้แบบReal time ผ่านบริการการชำระเงินของธนาคารยูโอบี ได้ตั้งแต่ต้นปี 2562 ปรับเปลี่ยนให้การทำธุรกิจบนดิจิตอลแพลทฟอร์มเป็นเรื่องง่ายขึ้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือกับ BentoWeb สามารถติดต่อยูโอบีบิสซิเนสแบงค์กิ้ง คอลเซ็นเตอร์ โทร 02-343-3555 และสิทธิประโยชน์จากความร่วมมือนี้สำหรับทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมของธนาคาร
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit