คุณเสือ : ตอนแรกที่ผมเข้าไปเพื่อไปตรวจความเรียบร้อยพื้นที่เพื่อรายงานในส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แล้วผมหลง ถึง 3 ครั้ง หลงแบบหาทางออกไม่ได้ เหมือนกับมีการปิดกั้น เวลามองก็รู้สึกเหมือนตาเป็นฝ้า ชาวบ้านบางคนบอกว่าเป็นม่านมิติที่ปิด ขณะที่หลงเดินวนอยู่หลายครั้ง จนต้องบอกกล่าวเจ้าของพื้นที่ พอบอกเสร็จผมก็เห็นเป็นผู้ชายแต่งกายชุดขาว เสื้อราชประแตน โจงกระเบนสีม่วง ตอนที่ผมหลงเข้าไปประมาณสัก11โมงเช้า กว่าจะหาทางออกมาได้เกือบ 4 โมงเย็น
แล้วเชื่อหรือไม่ว่าพื้นที่นี้คือเมืองลับแล
คุณเปลื้อง ชาวบ้าน : บางทีก็น่าเชื่อ แบบ 50-50 เพราะผมก็ยังเคยหลง ขนาดทำแนวเขตกั้นเวลาเดินลงไปก็ยังหลง พอหลงสักพักก็นึกได้ แล้วเดินกลับมาที่เดิม ช่วงที่ต้องเข้าไปทำเครื่องหมายไว้ก็ผิดเส้นทางถึง2 ครั้ง บางคน เคยหลงอยู่ 2 วัน 2 คืน ถึงออกมาได้ เพราะสมัยก่อนยังไม่มีรถผ่าน ต้องใช้ทางเกวียน จนกระทั่งเจอชาวบ้านเขาก็กวักเรียกว่าให้มาทางนี้ ถึงจะเดินออกมาถูก
เคยได้ยินว่าพื้นที่นี้เคยมีคนเสียชีวิตหลายคน
คุณเสือ : เคยครับ เพราะว่าแม่ผมเป็นคนเล่าให้ฟัง แม่ผมเกิดที่นั่น ซึ่งบริเวณเมืองลับแลตรงนั้นก็จะมีภาพเล่าเรื่องราวอยู่ ซึ่งสมัยก่อนปลายรัชกาลที่5 ชาวบ้านก็จะไปขุดหินไปทำปูนกินหมาก เพราะทำเป็นอาชีพ เรียกว่าแหล่งถลุง พอขุดไปเรื่อยๆบริเวณดังกล่าวก็จะเป็นหลุมลึก เป็นโพรง พอถูกขุดมากหินแถวนั้นรับน้ำหนักไม่ไหว จนถล่มลงมาก็มาทับคนตาย ครั้งนี้ประมาณ80-90 คนได้ แล้วสมัยก่อนก็เอาศพคนขึ้นมาลำบาก บ้างก็เล่าว่าเคยมีคนไปทำอะไรไม่เหมาะสม ก็เลยเกิดอาถรรพ์อาเพศเลยทำให้พังลง แล้ว ผมก็ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในป่าหุบใหญ่ ช่วงเมื่อประมาณ พ.ศ.2559 ผมมีความปรารถนาจะทำบุญให้กับวิญญาณเร่ร่อนพวกนี้ก่อนที่เขาจะขุดฝายทำน้ำ หลังจากนั้นก็มีพระธุดงค์ เดินสายมาพื้นที่นี้ 120 รูป เดินธุดงค์มาเพื่อจะพักและปฏิบัติ พอได้ทำบุญ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เสร็จเรียบร้อย เวลาประมาณตี4 ได้ยินเสียงร้องโหยหวนเหมือนเปรตมาจากตรงหลุมที่เราทำบุญให้ หลวงปู่สิน ผม และพี่อีกคนก็เลยกรวดน้ำให้อีกรอบเสียงนั้นก็หายไป หลวงปู่บอกว่าเปรตพวกนี้ทำผิดศีล เคยลักขโมยปูนในป่านี้ เลยทำให้รับผลบุญไม่ได้ และยังมีเปรตอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้ไปไหนยังติดอยู่ที่หลุมตรงนั้น
เล่าให้ฟังถึงหินที่นำมาจากเมืองลับแล
คุณเสือ : หินชิ้นนี้เหมือนกับมีการหวงแหน มีเจ้าของที่ดูแลอยู่ วันนั้นพระสงฆ์ 2 รูป และข้าราชการบำนาญ ได้เดินทางมาขอหลวงพ่อสิน ว่าต้องการจะนำหินที่เอามาจากเมืองลับแลไปทำพระเครื่องเพื่อบูชา ครั้งแรกและครั้งที่2ที่มาขอ ผมได้ยินหลวงปู่สินบอกว่าไม่ต้องเอาไปหรอก พอเข้ามาขอครั้งที่ 3 หลวงพ่อบอกให้เอาไป พอหลังจากเอาไปแล้ว พระองค์นั้นก็ได้นำหินไปบดเพื่อทำเป็นพระเครื่อง และขณะที่กำลังนั่งกรรมฐานท่านคอหักตาย พอผมทราบก็เลยไปดู ก็จำได้ว่าเป็นพระสงฆ์รูปที่มาขอหินไปคงจะมีเจตนานำไปทำอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกภพภูมิของเขา บางครั้งตัวผมเองจะนำหินออกมาจากป่าได้เพื่อจะเอามาให้คนอื่นดู รถผมตกถนน จนต้องเอากลับไปไว้ที่เดิม
หลวงพ่อเชื่อหรือไม่เรื่องที่ชาวบ้านที่พูดกัน
พระครูสมาจารคุณ : สมัยก่อนเคยเข้าไปหาหน่อไม้ไผ่ ผักหวาน แต่ก็ยังไม่เคยหลงสักที แต่ชาวบ้านคนอื่นเค้าว่าเคยหลงกัน และยังไม่เคยเจออะไรแปลกๆ แต่ลึกๆแล้วก็เชื่อ อย่างเรื่องผีที่เห็นก็น่าจะเป็นโอปปาติกะล่าสุดกำลังจะเปิดเมืองลับแลให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว
คุณเสือ : ใช่ครับ แต่หลายคนอาจจะกลัวว่าจะมีอาถรรพ์หรือเปล่า ทางเราก็จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ในบริเวณนั้น อย่างปากเมืองลับแลแต่งชุดอนุรักษ์ป่า จะคอยดูแล แต่ถ้าประชาชนคนอื่นจะเดินทางไปเองก็อาจจะหลง บริเวณดังกล่าวยังมีพระพุทธรูปขนาดเล็ก มีบ่อน้ำซึ่งภายในบ่อมีน้ำขังอยู่ตลอดเวลาไม่เคยแห้ง ข้างๆจะมีรูปปั้นพญานาคตั้งไว้ ชาวบ้านมีความเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หลายคนจึงตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อนี้ไปบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล พวกเราก็อยากจะช่วยกันอนุรักษ์ทำให้เมืองลับแลนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศระดับจังหวัด เป็นแหล่งธรณีวิทยา พันธุกรรมพืชต่างๆ เพราะบริเวณนั้นคล้ายแกรนแคนยอนด้วย
สามารถติดตาม รายการ เจาะประเด็น ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.35น.ทาง ช่อง 8 เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit