นายสไกร พิมพ์บึง รองเลขาธิการ รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เปิดเผยว่าที่มาของการลงนามในครั้งนี้ว่า เนื่องจาก กฟก. จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2544 เป็นองค์กรที่เป็นนิติบุคคล อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน ระเบียบว่าด้วยสวัสดิการสำหรับพนักงานจึงไม่ครอบคลุมกลุ่มลูกจ้างที่มีอยู่จำนวนหลายอัตรา กอช.ก็เป็นหน่วยงานของรัฐ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีหน้าที่เสริมสร้างระบบบำนาญให้แก่ผู้ที่เป็นแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ ลูกจ้าง พนักงานและครอบครัว
กฟก. และ กอช. จึงมีนโยบายที่จะทำงานร่วมกัน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างหลักประกันให้แก่กลุ่มพนักงาน ลูกจ้างและครอบครัว รวมไปถึงเกษตรกรทั่วประเทศที่เป็นสมาชิก กฟก. ให้ออมเงินเพื่อเป็นสวัสดิการในวัยชรา และสร้างวินัยการออมที่ดีเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบของบำนาญอย่างทั่วถึงสำหรับวัตถุประสงค์การลงนามครั้งนี้จะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการออมเงินแก่พนักงาน ลูกจ้างและครอบครัว และเกษตรกรสมาชิก กฟก. ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการออมและการเป็นสมาชิกกับ กอช. และให้ กฟก. เป็นศูนย์กลางในการให้ความรู้ด้านการออมแก่บุคลากรภายในและเกษตรกรสมาชิก โดย กอช.จะให้การสนับสนุนสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างช่องทางให้ลูกจ้าง และเกษตรกรสมาชิก กฟก. ได้มีโอกาสเข้าถึงสวัสดิการด้านการออมและได้รับสิทธิประโยชน์ตามนโยบายของรัฐบาล
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กล่าวว่า กอช.มีนโยบายมุ่งเน้นการสร้างวินัยการออม ให้กลุ่มพนักงาน ลูกจ้างและพี่น้องเกษตรกร ได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบของบำนาญอย่างทั่วถึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการความร่วมมือด้านการส่งเสริมการออม ระหว่าง กฟก. และ กอช. ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการบูรณาการการทำงานผลักดันให้ ลูกจ้าง พนักงานและครอบครัว รวมไปถึงเกษตรกร สมาชิกได้มีเงินออมเพื่อใช้ในยามชราภาพ เพื่อมีชีวิตความเป็นอยู่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน