ทุกคนคงทราบถึงสารพัดคุณประโยชน์ของ
น้ำมันมะกอกเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติในการลดคอเลสเตอรอล หรือการลดความเสี่ยงจากการเกิด
โรคเบาหวาน แต่น้ำมันมะกอกที่วางขายในท้องตลาดมีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้ ตั้งแต่เวอร์จิ้น เอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น ไลท์ เอ็กซ์ตร้า ไลท์ หรือระบุแค่เป็น "น้ำมันมะกอก" ทำให้หลายคนไม่แน่ใจว่าควรเลือกใช้สูตรใดในการปรุงเมนูโปรด ในปัจจุบัน น้ำมันมะกอกคุณภาพสูงมาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ หรือ Smart Packaging เทรนด์บรรจุภัณฑ์สมัยใหม่ที่เพิ่มฟังก์ชั่นเพื่อการสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้มากยิ่งขึ้น เราจึงมี 3 เคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยให้คอ
อาหารไทย หรือเชฟมือใหม่เข้าใจน้ำมันมะกอกสูตรต่างๆ และเลือกใช้ให้เหมาะกับอาหารไทยจานเด็ดได้แบบเชฟมือโปร
1. เลือกใช้น้ำมันมะกอกให้เหมาะกับอาหารไทยจานโปรด
หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า น้ำมันมะกอกแบบใดที่เหมาะกับอาหารไทย ที่จริงแล้วน้ำมันมะกอกเป็นส่วนผสมที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ทั้งหมัก ผัด ทอด หรือแม้กระทั่งใช้เป็นวัตถุดิบในการทำขนม น้ำมันมะกอกสามารถนำไปปรุงอาหารไทยจานโปรดได้แทบทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นผัดกะเพรา ผัดผักรวม ไปจนถึงมัสมั่น ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มให้อาหารไทยจานโปรดมีรสกลมกล่อมยิ่งขึ้น น้ำมันมะกอกยังเป็นน้ำมันเพื่อสุขภาพที่ดีต่อ (หัว) ใจมากๆ อีกด้วยเคล็ดลับระดับมือโปร
- น้ำมันมะกอก สูตรเอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้น: น้ำมันมะกอก สูตรเอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้นมีรสสัมผัสเข้มข้น ให้รสคล้ายผลไม้ สามารถรับประทานได้สดๆ จากขวด เหมาะสำหรับใช้ปรุงอาหารที่ไม่ต้องผ่านความร้อน ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารเมื่อใช้หมัก ปรุงรสชาติซุปและซอส หรือทำน้ำจิ้มแสนอร่อย ด้วยกลิ่นที่หอมละมุน และรสชาติที่กลมกล่อม น้ำมันมะกอกสูตรเอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้นยิ่งทำให้เมนูอาหารไทยจานอร่อยอย่างคอหมูย่างมีรสนุ่มละมุน โดยไม่กลบรสชาติของส่วนผสมอื่นๆ
- น้ำมันมะกอก: น้ำมันมะกอกสูตรนี้มีรสชาตินุ่มนวล สามารถนำไปใช้ทำอาหารได้หลากหลายรูปแบบ สีเหลืองทองกับรสชาติที่ไม่จัดจ้านของน้ำมันมะกอกสูตรนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทอดแบบน้ำมันท่วม การอบ รวมไปถึงการย่าง ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเมนูหอยทอด ผัดไทย ผัดซีอิ๊ว หรือแม้กระทั่งปลาดุกฟู หากใช้น้ำมันมะกอกสูตรนี้ รับรองว่าจะช่วยเพิ่มความอร่อยให้ทุกมื้อพิเศษของคุณอย่างแน่นอน
- น้ำมันมะกอก สูตรเอ็กซ์ตร้า ไลท์: ด้วยรสชาติที่นุ่มนวลสมชื่อ ทำให้น้ำมันมะกอกสูตรนี้เข้ากันได้ดีกับอาหารทุกประเภท รวมไปถึงการประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนสูง เช่น เมนูผัด และทอดแบบน้ำมันท่วม เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพแทนน้ำมันพืชทั่วไป จึงยิ่งเหมาะแก่การปรุงเมนูอาหารไทยยอดนิยมทั้งหลาย ทั้งไข่เจียว ผัดกะเพรา ผัดผักรวม หรือข้าวผัด
2. อ่านฉลากแนะนำความร้อน
เคล็ดลับสำคัญในการเลือกใช้น้ำมันทุกชนิดในการประกอบอาหาร (ไม่เฉพาะแค่น้ำมันมะกอกเพียงอย่างเดียว) คือ อุณหภูมิที่ใช้ในการปรุงอาหารจะต้องไม่เกินจุดเกิดควัน (Smoke Point) ซึ่งส่วนมากมักระบุไว้บนฉลากแนะนำความร้อนบนขวด เมื่อเข้าใจว่าน้ำมันที่ใช้มีจุดเกิดควันที่อุณหภูมิเท่าใด จะช่วยทำให้สามารถเลือกใช้น้ำมันในการปรุงอาหารได้เหมาะสม เพียงจำง่ายๆ ว่า น้ำมันประกอบอาหารที่มีจุดเกิดควันยิ่งสูง ยิ่งเหมาะสำหรับอาหารที่ต้องใช้ความร้อนในการปรุงเคล็ดลับระดับมือโปร
- แม้จะมีความเชื่อเดิมๆ ว่าน้ำมันมะกอกไม่เหมาะกับการปรุงอาหารที่ต้องใช้อุณหภูมิสูง แต่ในความเป็นจริง น้ำมันมะกอกสูตรเอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้นมีจุดเกิดควันที่สูงกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ ได้แก่น้ำมันคาโนลา น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันปาล์ม และน้ำมันมะพร้าว เสียอีก
- อุณหภูมิของน้ำมันที่ใช้ในการทอดแบบน้ำมันท่วมจะอยู่ที่ประมาณ 375°F หรือ 191 °C ซึ่งน้ำมันมะกอกแบบเอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้นนั้นสามารถทนความร้อนได้สูงถึง 392°F หรือ 200°C ในขณะที่น้ำมันมะกอกสูตรอื่นๆ มีจุดเกิดควันที่ 410°F หรือ 210°C เลยทีเดียว
3. การเก็บรักษาน้ำมันมะกอก
เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอื่นๆ การเก็บรักษาน้ำมันมะกอกอย่างเหมาะสมจะช่วยคงคุณภาพของน้ำมันมะกอกไว้ได้นาน มองหาวันหมดอายุ หรือวันเก็บเกี่ยวที่ระบุบนขวด เพราะน้ำมันมะกอกสามารถเก็บไว้ได้นานถึงสองปีนับตั้งแต่วันผลิต หากถูกเก็บรักษาในที่ที่เหมาะสม
เคล็ดลับระดับมือโปร
- วิธีที่ดีที่สุดในการเก็บรักษาน้ำมันมะกอกให้คงคุณภาพไว้ให้ยาวนาน ควรเก็บไว้ในที่มืด ในตู้ที่ไม่ร้อน หรือแช่ในตู้เย็นหากคุณไม่ได้ใช้เป็นประจำ
- ไม่ควรวางไว้ใกล้เตาไฟ เพราะความร้อนจะทำให้น้ำมันมะกอกเสื่อมคุณภาพได้
- ปิดฝาให้แน่นหลังจากใช้ทุกครั้ง เพื่อรักษาความสดใหม่ของน้ำมันมะกอกไว้ให้นานที่สุด
เกี่ยวกับเบอร์ทอลลี่
เบอร์ทอลลี่ ก่อตั้งโดยมร. ฟรานเชสโก เบอร์ทอลลี่ ในปี 1865 ที่เมืองลุคคา แคว้นทัสคานี แบรนด์เบอร์ทอลลี่(R) ถือเป็นหัวใจสำคัญในการประกอบอาหารอิตาเลียนและวัฒนธรรมการกินแบบอิตาเลียน ในฐานะแบรนด์น้ำมันมะกอกที่เป็นที่ชื่นชอบในระดับโลก (ภายใต้แบรนด์ดีโอเลโอ) มานานกว่า 150 ปี พันธกิจของเบอร์ทอลลี่(R) คือการรักษาคุณภาพ ความมุ่งมั่นในการดึงความพิเศษจากส่วนผสมต่างๆตามธรรมชาติออกมาให้กับการปรุงอาหาร และการรักษาวัฒนธรรมในการสรรค์สร้างอาหารให้มีรสชาติโดดเด่น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ https://www.facebook.com/BertolliTH/
HTML::image(
HTML::image(