นางสาวลีลนา เพียรพิริยะ ผู้จัดการแผนกการตลาดผลิตภัณฑ์ดิจิตอล อิมเมจจิ้ง บ. โซนี่ ไทย จ.ก. เปิดเผยว่า"โซนี่ได้เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาช่วยจัดการเรื่องการถ่ายภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ช่างภาพทุกท่านได้รับประสบการณ์ที่ดี และสร้างสรรค์ผลงานภาพได้มากกว่าจินตนาการ จากสุดยอดเทคโนโลยีที่อันเป็นเลิศได้รับการยอมรับอย่างสูงในกล้อง Full Frame Mirrorless ทั้งในรุ่น α9, α7R III และ α7 III ในวันนี้ โซนี่ได้ถ่ายทอดคุณสมบัติชั้นเลิศที่อยู่ในรุ่นเรือธงเหล่านั้นมาสู่กล้องมิเรอร์เลส APS-C รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวในวันนี้ คือรุ่น α6400 (อัลฟ่า 6400) ซึ่งมาขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา เสริมด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำหน้ามากมาย อาทิ ระบบออโต้โฟกัสที่จับภาพได้รวดเร็วที่สุดในโลก เพียง 0.02 วินาที[i] ซึ่งประสานการทำงานควบคู่กับระบบ AI ทำให้สามารถวิเคราะห์และโฟกัสดวงตาและวัตถุต่าง ๆ ตามต้องการได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นกว่าเดิม จึงเหมาะสำหรับนักถ่ายภาพทั้งระดับมืออาชีพ รวมทั้งตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่ม Blogger, Vlogger และ YouTuber ให้ใช้งานอย่างสะดวก และมีประสิทธิภาพ ด้วยการบันทึกภาพที่มีความฉับไว แม่นยำ และคมชัดในทุกสถานการณ์ โซนี่มั่นใจว่ากล้อง α6400จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจดิจิตอล อิมเมจจิ้ง ของโซนี่ให้เติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ รวมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมกล้องด้วยการยกระดับประสบการณ์ของการถ่ายภาพให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น"จากความสำเร็จในการก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลส โซนี่ยังได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อผลักดันให้กล้องα6400 ให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่กว้างขึ้น พร้อมเร่งขับเคลื่อนธุรกิจดิจิตอลอิมเมจจิ้งให้เติบโตขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ "โซนี่มีจุดแข็งที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นในอตสาหกรรม เนื่องเพราะโซนี่ได้พัฒนาเทคโนโลยี และอุปกรณ์หลักของตัวเอง เพื่อใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดิจิตอล อิมเมจจิ้ง ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนเลนส์, อิมเมจเซ็นเซอร์, โปรเซสเซอร์, ช่องมองภาพ รวมถึงซอฟท์แวร์ต่าง ๆ กล่าวได้ว่าโซนี่เป็นผู้ผลิตอิมเมจเซ็นเซอร์ และช่องมองภาพอิเลครอนิคส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และนั่นคือข้อได้เปรียบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยจุดแข็งที่เรามี และในวันนี้เราได้นำ 5 องค์ประกอบหลักที่เราได้ใช้ในการพัฒนากล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลสจนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งประกอบด้วย เลนส์ คุณภาพของภาพ ความเร็ว แบตเตอรี่ทนทาน และขนาดที่กะทัดรัดน้ำหนักเบา ขยายมาสู่กล้อง APS-C ในรุ่น α6400 โดยพ่วงในเรื่องเทคโนโลยีความรวดเร็ว และ AI เสริมเข้าไป จึงทำให้กล้อง α6400เป็นกล้อง APS-C ที่เพียบพร้อมไปด้วยนวัตกรรม ประสิทธิภาพ และความคล่องตัวในการใช้งาน ขณะเดียวกันโซนี่ยังได้คำนึงถึงความหลากหลายของเลนส์ที่เหมาะสมกับการใช้งานซึ่งเรามากถึง 48 ตัว ประกอบด้วย APS-C native lenses 18 ตัว และ E-mount full-frame lenses ที่สามารถใช้งานร่วมกับกล้อง α6400 โดยไม่ต้องใช้อแดปเตอร์อีกถึง 30 ตัว แน่นอนว่าโซนี่จะให้ความสำคัญควบคู่กันทั้งกล้องฟูลเฟรม และ APS-C ด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่สำหรับกล้อง และเลนส์ โดยให้ความสำคัญกับระบบ "One Mount" ซึ่งจะทำให้กล้องทั้ง 2 ระบบใช้งานร่วมกันได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ และด้วยสมรรถนะอันเพียบพร้อมของกล้อง α6400 ยังเป็นอุปกรณ์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลายตั้งแต่ช่างภาพมืออาชีพ ไปจนถึงกลุ่มVlogger และ VDO Content Creator ตลอดจนผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพอีกด้วย โซนี่จึงพร้อมทำการกิจกรรมสื่อสารการตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่กว้างขึ้นในปีนี้อีกด้วย" น.ส. ลีลนา ได้กล่าวเสริม
คุณสมบัติของกล้องอัลฟ่ามิเรอร์เลส α6400
กล้อง α6400 เป็นกล้องมิเรอร์เลสแบบ E Mount ที่ใช้เซ็นเซอร์ APS-C รุ่นล่าสุดที่ออกแบบให้มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ที่ถ่ายทอดมาจากกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลสระดับเรือธง กล้อง α6400 มาพร้อมระบบ 4D FOCUS ซึ่งเป็นระบบโฟกัสที่รวมทั้ง Phase Detection และ Contrast Detection เข้าด้วยกัน ทำให้ครอบคลุมพื้นที่ถึง425 จุด และสามารถจับภาพได้ฉับไวกว่ารุ่นเดิม โดยใช้เวลาเพียงแค่ 0.02 วินาทีเท่านั้น ซึ่งนับว่ารวดเร็วที่สุดในโลกขณะนี้ พร้อมด้วยเทคโนโลยีติดตามวัตถุแบบใหม่ที่มีชื่อว่า Real-time Eye AF และ Real-Time Track ซึ่งควบคุมด้วยระบบ AI ทำให้สามารถวิเคราะห์และโฟกัสดวงตาและวัตถุต่าง ๆ ที่ต้องการได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์รับภาพแบบ Exmor CMOS (APS-C) ที่มีความละเอียด 24.2 เมกกะพิกเซล ผสานกับชิปประมวลผลภาพ BIONZ X ที่มีค่าความไวแสง (ISO) สูงถึง32,000 และสามารถขยายได้ถึง 102,400 ช่วยให้ภาพสวยงามคมชัดทุกรายละเอียดและมีสีสันสมจริงดุจธรรมชาติแม้จะถ่ายในสภาวะแสงน้อย รวมถึงรองรับการบันทึกวิดีโอที่มีความละเอียดของภาพระดับ 4K และถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 11 ภาพต่อวินาทีในโหมดปกติ และ 8 ภาพต่อวินาทีในโหมดชัตเตอร์แบบไร้เสียง
ยิ่งกว่านั้น ตัวบอดี้ของกล้องอัลฟ่ามิเรอร์เลส รุ่น α6400 ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์ทันสมัย ผลิตจากแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่มีน้ำหนักเบา แต่ให้ความแข็งแรงทนทาน และมีขนาดกระทัดรัด จึงง่ายต่อการพกพาไปเก็บภาพในสถานที่ต่าง ๆ ขณะเดียวกันยังมีฟีเจอร์ Time-Lapse ซึ่งติดตั้งมาในตัวกล้อง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องเพื่อทำภาพยนต์บนคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งยังรองรับ Hybrid Log-Gamma (HLG) ซึ่งทำให้ภาพวิดีโอสามารถเล่นบนทีวี 4K UHD ได้เต็มขนาด ที่สำคัญยังมาพร้อมกับจอสัมผัสขนาด 3 นิ้วที่สามารถพับได้ถึง 180 องศา เพื่อช่วยให้การถ่าย Selfie ตัวเองได้สนุกยิ่งขึ้น และเมื่อถ่ายภาพเสร็จ ยังสามารถถ่ายโอนรูปภาพได้ทันทีผ่านแอพพลิเคชัน Imaging Edge
พร้อมกันนี้ โซนี่ยังได้จัดเตรียมกลยุทธ์การทำตลาดเชิงรุกอย่างเข้มข้น ให้กับผลิตภัณฑ์กล้องอัลฟ่ามิเรอร์เลส รุ่น α6400เพื่อสร้างการรับรู้ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะสื่อสารครอบคลุมในทุกช่องทาง รวมถึงสื่อออนไลน์และโซเชี่ยลมีเดีย เวิร์คช็อป ควบคู่กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภค ในการมาทดลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการถ่ายภาพอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้มั่นใจว่ากล้องอัลฟ่ามิเรอร์เลส α6400 จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี และทำให้โซนี่สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างเหนียวแน่น
สำหรับกล้อง α6400 มีจำหน่าย 2 สีคือ สีดำ และสีเงิน โดยจะเริ่มวางจำหน่ายสีดำก่อนตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ส่วนสีเงินILCE-6400 พร้อมวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม ศกนี้ โดยจะมี 2 แพ็คเกจด้วยกันคือILCE-6400 (เฉพาะ Body) จำหน่ายราคา 32,990 บาทILCE-6400L (พร้อมเลนส์คิท 16-50mm) จำหน่ายราคา 36,990 บาท
ผู้สนใจสามารถทดลองประสิทธิภาพของกล้อง α6400 ได้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ทุกสาขา และร้านผู้แทนจำหน่ายที่เลือกสรร และสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100 หรือเยี่ยมชม www.sony.co.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit