"การที่ภาคเอกชนร่วมกันลงขันสร้างศูนย์ทำความสะอาด พร้อมติดตั้งเครื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ในครั้งนี้ เกิดจากความตื่นตัวและร่วมมือกันสกัดกั้นโรค ASF อย่างเต็มที่ โดยดำเนินควบคู่ไปกับการเข้มงวดในการบริหารจัดการของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ยกเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมขออนุมัติงบประมาณบูรณาการป้องกันโรคนี้ให้ดียิ่งขึ้น วันนี้แม้โรคจะยังไม่เข้าสู่ไทย ก็ยิ่งต้องเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้อุตสาหกรรมสุกรของไทยตลอดห่วงโซ่ที่มีมูลค่าถึง 2 แสนล้านบาท ได้รับความเสียหาย และขอย้ำว่าโรคนี้ติดต่อเฉพาะสุกรเท่านั้น ไม่ติดต่อคนและสัตว์อื่น ผู้บริโภคสามารถรับประทานเนื้อสุกรได้ 100%" นายสุรชัย กล่าวและว่า
โรคดังกล่าวต้องมีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ในระดับสูง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการสัมผัสเชื้อ โดยต้องพ่นยาฆ่าเชื้อรถบรรทุกปศุสัตว์ รถขนส่งวัตถุดิบ ฯลฯ ทั้งขาเข้าและภายหลังจากส่งออกที่ชายแดน รวมถึงการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออุปกรณ์บรรทุกและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ระยะเวลาขั้นต่ำ 30 นาที นอกจากนี้ ภาครัฐยังต้องกวดขันการลักลอบนำเข้า "หมูกี้" สำหรับทำหมูหัน จากเวียดนาม ผ่านสปป.ลาว แล้วเข้าชายแดนไทย เพราะอาจเป็นพาหะแพร่กระจายโรคนี้ได้ ขณะที่ด่าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จะต้องเข้มงวดตรวจสอบผลิตภัณฑ์จากสุกรที่ติดเข้ามากับรถบรรทุกจากประเทศจีน รวมถึงรถนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในไทยผ่านช่องทางดังกล่าวด้วย./