แควนตัสกรุ๊ปปลื้มผลกำไรครึ่งปีแรก แม้ประสบราคาน้ำมันขึ้น

22 Feb 2019
ซิดนีย์: แควนตัสกรุ๊ปปลื้มผลประกอบการครึ่งปีแรกสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2561 ด้วยกำไรก่อนภาษี 17,940 ล้านบาท (780 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) และกำไรตามกฏหมายก่อนหักภาษี 16,905 ล้านบาท (735 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีงบประมาณที่ผ่านมา แม้ประสบราคาน้ำมันขึ้น 9,568 ล้านบาท (416 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) หรือร้อยละ 27
แควนตัสกรุ๊ปปลื้มผลกำไรครึ่งปีแรก แม้ประสบราคาน้ำมันขึ้น

มร.อลัน จอยส์ ประธานกรรมการบริหาร แควนตัส กรุ๊ป เผยว่า "เราดีใจเป็นอย่างยิ่งกับผลประกอบการที่ได้รับแม้ต้องประสบความท้าทายมากมายจากการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรก กลยุทธ์การดำเนินงานแบบสองแบรนด์ระหว่างสายการบินแควนตัสและสายการบินเจ๊ทสตาร์ในเส้นทางบินภายในประเทศต่างส่งเสริมซึ่งกันและกัน ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เราต้องปรับตัวในเรื่องค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าเส้นทางต่างประเทศที่น้ำมันถือเป็นค่าใช้จ่ายหลัก อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นทั้งค่าคอมมิชชั่นที่เพิ่มขึ้น และผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย"

"อย่างไรก็ตาม เรายังคงเดินหน้ากลยุทธ์ที่วางไว้ มีรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ ปลดระวางเครื่องบินโบอิ้ง 747 เพิ่มความหลากหลายสำหรับการให้บริการแควนตัสรอยัลตี้ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง นอกจากนั้นแควนตัสกรุ๊ปยังอัพเกรดห้องพักรับรองผู้โดยสารหลายแห่งเพื่อส่งเสริมการใช้บริการของผู้โดยสารระดับพรีเมี่ยม ส่วนการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าเป็นที่พอใจอย่างมากด้วยยอดจองค่อนข้างมาก ขณะที่คู่แข่งมีอัตราการเติบโตในตลาดต่างประเทศค่อนข้างช้าและการเติบโตในตลาดในประเทศยังคงที่ ขณะเดียวกันราคาน้ำมันได้ลดลงจากระดับที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ช่วยส่งเสริมให้เรามีความแข็งแกร่งขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ และคาดว่าจะสามารถฟื้นตัวจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงปลายปีงบประมาณปีนี้ ส่วนความอ่อนไหวด้านอื่นๆ นั้น แควนตัสยังคงปรับตัวอยู่เสมอและคาดว่าผลประกอบการโดยรวมยังเป็นไปในทิศทางบวก"

ผลการดำเนินงานแควนตัสกรุ๊ปเส้นทางบินภายในประเทศ มีผลกำไรบวกร้อยละ 1 คิดเป็น 15,157 ล้านบาท (659 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมาจากรายได้ของทั้งสายการบินแควนตัสและสายการบินเจ๊ทสตาร์ โดยแควนตัสเส้นทางบินภายในประเทศมีรายได้ก่อนดอกเบี้ยและภาษี 10,419 ล้านบาท (453 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) สูงกว่าผลการดำเนินงานช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมาร้อยละ 1 มีการเพิ่มที่นั่งโดยสารครึ่งปีหลังนี้เพื่อรองรับความต้องการของตลาดการจ้างงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในตอนกลางของภูมิภาคออสเตรเลียตะวันตก เนื่องจากรายได้จากภาคอุตสาหกรรมนี้เติบโตจากครึ่งปีแรก 644 ล้านบาท (28 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ทั้งนี้อัตราการบรรทุกผู้โดยสารเติบโตเฉลี่ยร้อยละเกือบ 0.1 ไปอยู่ที่ร้อยละ 79.6 ขณะที่รายได้ต่อหน่วยโตขึ้นร้อยละ 7.5

ผลประกอบการสายการบินเจ๊ทสตาร์เส้นทางบินภายในประเทศเป็นที่น่าพอใจด้วยอัตราบรรทุกผู้โดยสารเติบโตไปอยู่ที่ร้อยละ 87.8 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และยังคงมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง โดยเกือบ 2 ใน 3 ของตั๋วโดยสารของเจ๊ทสตาร์เส้นทางบินในประเทศและเส้นทางบินต่างประเทศในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมามีราคาต่ำกว่า 2,300 บาท (100 ดอลลาร์ออสเตรเลีย)

ผลการดำเนินงานแควนตัสกรุ๊ปเส้นทางบินต่างประเทศ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 7 คิดเป็น 85,100 ล้านบาท (3,700 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) แต่รายได้ก่อนดอกเบี้ยและภาษีลดลงร้อยละ 60 คิดเป็นลดลง 2,070 ล้านบาท (90 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ซึ่งมาจากค่าน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก (สูงมากถึง 5,037 ล้านบาท (219 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ในงบประมาณครึ่งปีแรก )

การเปิดตัวเครื่องบินโบอิ้งดรีมไลเนอร์ของสายการบินแควนตัสเส้นทางบินต่างประเทศ ส่งผลดีต่อการดำเนินงาน โดยภาพรวมอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ไปอยู่ที่ร้อยละ 85.5 รายได้ที่แข็งแกร่งของเจ๊ทสตาร์ในเส้นทางบินต่างประเทศช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากราคาน้ำมันสูงขึ้น อย่างไรก็ตามรายได้สายการบินเจ๊ทสตาร์ในภูมิภาคเอเชียลดลงจากน้ำมันมีราคาสูงขึ้น รวมถึงอัตราค่าบริการสนามบินที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ในครึ่งปีแรกเจ๊ทสตาร์แจแปนยังคงมีกำไร

แควนตัสรอยัลตี้ มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 คิดเป็น 4,025 ล้านบาท (175 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) และมีรายได้เติบโตร้อยละ 8.3 ซึ่งมาจากความแข็งแกร่งของโปรแกรมแควนตัสฟรีเคว่นฟลายเออร์ มีคู่ค้ารายใหม่ มีรายได้จากการร่วมทุนใหม่ๆ รวมถึงการให้บริการประกันสุขภาพและบริการทางการเงิน

เครื่องบิน สายการบินแควนตัสเส้นทางบินต่างประเทศรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์ 3 ลำ และมีกำหนดรับมอบอีก 6 ลำในช่วงปีแรกของปีงบประมาณปี 2563 ซึ่งจะทำให้แควนตัสเส้นทางบินต่างประเทศมีเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์ ทั้งหมด 14 ลำ และภายในสิ้นปีงบประมาณ 2562 จะมีการปลดระวางเครื่องบินโบอิ้ง 747 อีก 3 ลำ และที่เหลือในอีก 2 ปีข้างหน้า นอกจากนั้นได้ยกเลิกเครื่องบินแอร์บัส A380 ที่เคยสั่งไว้เมื่อปี 2549 จำนวน 8 ลำ ซึ่งเครื่องบินจำนวนนี้ไม่ได้รวมอยู่ในแผนงานแต่ประการใด โดยแควนตัสได้เน้นอัพเกรดเครื่องบินแอร์บัส A380 ที่ประจำการอยู่แทน ส่วนโครงการซันไร้ซ์ในการให้บริการเที่ยวบินตรงจากชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียไปนิวยอร์คและลอนดอนภายในปีพ.ศ.2565 ยังเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้

การเงิน การดำเนินงานของแควนตัสกรุ๊ปในงบประมาณครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้า มีเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินงานเกือบ 29,900 ล้านบาท (1,300 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ลดลง 11,040 ล้านบาท (40 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) เนื่องจากต้องชำระค่าต่างๆ ที่ถึงกำหนด รวมถึงค่าน้ำมันสำรองล่วงหน้าสำหรับปีงบประมาณ 2563 อย่างไรก็ตามแควนตัสกรุ๊ปยังคงดำเนินงานตามโครงการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานที่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในงบประมาณครึ่งปีแรกได้เป็นเงิน 4,738 ล้านบาท (206 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย)

เงินปันผลผู้ถือหุ้น นอกเหนือจากเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 11,500 ล้านบาท (500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ที่ประกาศเมื่อสิงหาคม 2561 คณะกรรมการบริหารแควนตัสกรุ๊ปได้มีมติจ่ายเงินปันผลเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นอีก 11,500 ล้านบาท (500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) หรือ 2.76 บาท (12 เซ็น) ต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 28 มีนาคม 2562 ตามการบันทึก ณ วันที่ 5 มีนาคม 2562 รวมถึงซื้อหุ้นคืน 7,015 ล้านบาท (305 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ซึ่งการซื้อหุ้นคืนกลับมาคาดว่าจะช่วยให้หุ้นที่เสนอขายตั้งแต่ปีพ.ศ.2558 ลดลงราวร้อยละ 28

โครงการลดขยะ แควนตัสกรุ๊ปซึ่งมีสายการบินให้บริการถึง 3 สาย ได้แก่ สายการบินแควนตัส สายการบินเจ๊ทสตาร์ และสายการบินแควนตัสลิ้งค์ที่บรรทุกผู้โดยสารมากถึง 50 ล้านคนต่อปี มีขยะจากการดำเนินงานกว่า 30,000 ตัน คิดเป็นน้ำหนักเท่ากับเครื่องบินโบอิ้ง 747 มากถึง 80 ลำ ได้ประกาศแผนงานเป็นสายการบินอันดับหนึ่งของโลกในการนำขยะกลับมาใช้ใหม่อย่างน้อย 1 ใน 3 ของขยะที่ต้องฝังกลบภายในสิ้นปีพ.ศ. 2564 รวมถึงจะงดใช้ถุงพลาสติกภายในห้องพักรับรองผู้โดยสารและภายในห้องโดยสารเครื่องบินที่มีปริมาณมากกว่า 100 ล้านใบต่อปีภายในปีพ.ศ.2563 สำหรับการลดปริมาณขยะในส่วนอื่นรวมถึงเปลี่ยนไปใช้แพคเกจจิ้งประเภทอื่น บริจาค หรือนำอาหารที่เหลือไปเป็นปุ๋ยหมัก และเพิ่มสัดส่วนของกระดาษที่นำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงบอร์ดดิ้งพาส

การลงทุนสำหรับผู้โดยสารและบุคลากร ในงบประมาณครึ่งปีแรกแควนตัสกรุ๊ป

  • ดีไซน์ปรับปรุงห้องพักรับรองผู้โดยสารภายในประเทศที่สนามบินเมลเบิร์นแล้วเสร็จ
  • เดินหน้าให้บริการอินเทอร์เน็ตไวไฟภายในห้องโดยสารที่ให้บริการโดยเครื่องบินโบอิ้ง737 (แล้วเสร็จ 2 ใน 3) และขยายไปยังเครื่องบินแอร์บัส A330
  • อัพเกรดห้องโดยสารเครื่องบินเทอร์โบพร็อพสายการบินแควนตัสลิ้งค์ ขณะนี้แล้วเสร็จแล้ว 12 ลำ
  • อัพเกรดห้องโดยสารเครื่องบินแอร์บัส A320/21 สายการบินเจ๊ทสตาร์ ซึ่งแล้วเสร็จร้อยละ 80
  • ขยายการให้บริการตั๋วโดยสารราคาพิเศษแก่ผู้มีถิ่นฐานในภูมิภาคและปรับปรุงห้องพักรับรองผู้โดยสารที่สนามบินแธมเวิร์ธ
  • เดินหน้าอัพเกรดห้องพักรับรองผู้โดยสารที่สนามบินสิงคโปร์ โตเกียว โอ๊คแลนด์ สนามบินซิดนีย์เส้นทางบินต่างประเทศ บริสเบน และโฮบาร์ท

การปรับเปลี่ยนเครื่องบินประจำการได้สร้างงานให้กับแควนตัสกรุ๊ป โดยตั้งแต่ปีพ.ศ.2559 เป็นต้นมา แควนตัสกรุ๊ปได้รับนักบินเข้าทำงานกว่า 1,000 คน และรับเพิ่มอีก 1,000 คน โดยในครึ่งปีแรกได้มีประกาศทูวูมบาในรัฐควีนสแลนด์เป็นหนึ่งในสถานที่ก่อตั้งสถาบันฝึกอบรมนักบินของแควนตัสกรุ๊ปที่มีกำหนดเปิดดำเนินการกลางปีนี้ และขณะนี้กำลังเลือกสรรสถานที่แห่งที่สองอยู่ โดยทั้งสองแห่งจะสามารถรองรับการให้การฝึกอบรมแก่นักบินได้ 500 คนต่อปีเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของแควนตัสกรุ๊ปและขยายให้บริการแก่ภาคอุตสาหกรรมการบิน

ภาพรวมงบประมาณครึ่งปีหลัง

  • อัตราการเติบโตแควนตัสกรุ๊ปโดยรวมทั้งเส้นทางบินภายในประเทศและเส้นทางบินต่างประเทศคาดว่าจะคงที่
  • ราคาน้ำมันปีงบประมาณ 2562 จะอยู่ที่ 89,700 ล้านบาท (3,900 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เทียบกับปีงบประมาณ 2561 โดย 2 ใน 3 เพิ่มขึ้นในครึ่งปีแรก สำหรับปีงบประมาณ 2563 ได้มีการสำรองราคาน้ำมันล่วงหน้าไว้แล้วร้อยละ 73
  • ในปีงบประมาณ 2562 คาดว่าโครงการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานจะเอื้อประโยชน์ได้ราว 9,200 ล้านบาท (400 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย)
  • คาดว่าจะมีรายได้จากการขายสินทรัพย์ในปีงบประมาณ 2562 คิดเป็น 36,800 ล้านบาท (1,600 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) โดย 23,000 ล้านบาท (1,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) นำไปใช้ในงบประมาณครึ่งปีแรก ในปีงบประมาณ 2562 คาดว่าค่าเสื่อมราคาสุทธิและการไม่ยกเลิกเครื่องบินเช่าซื้อเพื่อการดำเนินงานจะอยู่ที่ราว 2,760 ล้านบาท (120 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) สูงกว่าปีงบประมาณ 2561