ร้านอาหารฝรั่งเศส VINIFERA แห่งนี้เปิดให้บริการเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา (2016) จากความตั้งใจและมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมของ คุณพจีสวาท โซฟี ธนะปุระ กรรมการผู้จัดการร้าน ผู้เป็นอา และหลานชาย ฌอง ลุค ดูชัตเตลเย่ Business development coordinator ที่ใช้หัวใจและความหลงใหลในกลิ่นอายฝรั่งเศสมาทำธุรกิจ แม้ต้นทางจะเป็นเพียงไอเดียบริษัทนำเข้าไวน์และต้องการมีหน้าร้านขายไวน์เท่านั้น ต่อมาจึงจุดประกายความคิดสู่การมีสถานที่ทดลองไวน์ให้ลูกค้าได้มาลิ้มลอง จนกระทั่งต่อยอดกลายเป็นร้านอาหารอย่างที่เห็นทุกวันนี้คุณโซฟี กล่าวว่า แรงบันดาลใจที่สร้างสรรค์ร้าน VINIFERA ขึ้นมาเพราะความมั่นใจในคอนเน็คชั่นและประสบการณ์ที่ฝรั่งเศส ซึ่งคนในครอบครัวได้ใช้ชีวิตและศึกษาที่นั่นมาก่อน และตัวเขาเองก็เป็นลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสด้วย จึงมีความหลงใหลพร้อมกระโจนเข้ามาทำร้านอาหารแห่งนี้อย่างเต็มตัว ในขณะที่ตัวของเขาเองเป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเป้าหมายในการทำธุรกิจร้านอาหารจึงไม่เน้นยอดขายเป็นสำคัญ แต่ขอเอาความปรารถนาของตนเองเป็นที่ตั้ง อยากให้ได้เป๊ะอย่างที่ต้องการ ถ้ายังไม่ดีก็ยังไม่นำเสนอออกไป ซึ่ง VINIFERA มุ่งเน้นการส่งต่อสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเท่านั้น
ร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสตั้งอยู่ย่านโชคชัย 4 ของกรุงเทพฯ แห่งนี้ มีจุดเด่นมากถึง 2 ด้านด้วยกัน ทั้งที่มาของวัตถุดิบบินตรงจากฝรั่งเศสเข้าสู่ครัว ตามด้วยไวน์คัดสรรพิเศษแบบบูทีคไวน์ (Boutique French Wines) ซึ่งเป็นไวน์หายากแต่สามารถนำมาเสนอในราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 800 บาทต่อขวด โดยทุกขวดมีลักษณะพิเศษโดดเด่นและมีคุณภาพไม่แตกต่างกัน คุณลุค กล่าวว่า เขาปรารถนาที่จะเปิดโลกการดื่มไวน์สำหรับคนไทย เนื่องจากหลายคนเลือกซื้อเครื่องดื่มชนิดนี้โดยไม่มีความรู้เรื่องไวน์อย่างถ่องแท้ อีกทั้งไม่อยากให้นักดื่มหน้าใหม่ตีกรอบรสชาติไวน์จากราคา เพราะความจริงแล้วไวน์ที่ราคาไม่สูงนัก แต่ให้รสชาติที่ยอดเยี่ยมคู่ควรกับความต้องการของแต่ละคนนั้นยังมีอยู่
"ที่ร้านของเรามีซอมเมอลิเยร์ (Sommelier) เป็นผู้แนะนำไวน์ให้นักดื่มและผู้สนใจอยากลิ้มลอง และจัดให้ชิมก่อนตัดสินใจ เราจะสอบถามลูกค้าก่อนถึงสไตล์การดื่มไวน์เฉพาะตัว ถ้าเป็นนักดื่มชื่นชอบความเข้มข้น เราอาจแนะนำรสชาติเข้มข้นจากบอร์กโดซ์ (Bordeaux) ทางเรามองว่าไวน์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถึงแม้จะเป็นสายพันธุ์เดียวกันแต่กลับให้รสชาติแตกต่างตามพื้นที่ปลูก ตามสภาพดินฟ้าอากาศ และถึงแม้จะปลูกที่เดียวกัน แต่ก็มีปัจจัยที่ทำให้รสชาติไวน์เปลี่ยนแปลงไป เช่น ปีนั้นฝนตกเยอะ หรือแดดออกมาก ผลผลิตที่ได้ก็จะไม่เหมือนกันในแต่ละปี นั่นทำให้เราต้องเดินทางไปดูถึงที่ และต้องยอมรับว่าไวน์ปี 2005 เป็นปีที่ดีที่สุด โดยปกติทุกๆ 5 ปี จะให้วงจรรสชาติยอดเยี่ยมแบบนี้ นั่นแปลว่านอกจากคัดสรรแบรนด์ไวน์จากพื้นที่ปลูกแล้ว ช่วงเวลาก็ต้องดีที่สุดด้วย"
ความพิถีพิถันยังลงลึกถึงความต้องการที่แท้จริงด้วย หากลูกค้ามีจุดประสงค์เพื่อการดื่มไวน์เป็นหลัก ทางร้านก็จะนำเสนอเมนูอาหารประเภทที่เหมาะสมควบคู่กัน ขณะเดียวกันถ้าเข้าร้านเพื่อมารับประทานอาหาร VINIFERA ก็จะแนะนำไวน์ที่คู่ควรจากทั้งหมดมากกว่า 20 ตัวที่คัดสรรแล้วและรู้จักผู้ผลิตเป็นอย่างดี สำหรับเมนูอาหารโดดเด่นจากการรังสรรค์ของเชฟอดุลย์ ผู้มีความเชี่ยวชาญอาหารยุโรปหลากหลายประเภท และมีประสบการณ์ในการทำร้านอาหารฝรั่งเศสมาก่อน โดยเฉพาะเมนูของหวานที่สามารถโชว์ฝีมือได้เทียบเท่าคนฝรั่งเศส จนมีลูกค้าออเดอร์อยู่เสมอ นั่นคือ เมนูปรุงด้วยเนื้อวัววากิว ให้รสสัมผัสที่วิเศษสุดอร่อยจนลืมไม่ลง
ต่อด้วยเมนูที่ทำจากเนื้อแกะ และเมนูที่โชว์ความเป็นอาหารฝรั่งเศสขนานแท้อย่าง Escargots A La Bourgigno หอยทากฝรั่งเศสอบเนย ที่ทางร้านเฟ้นหาตัวหอยเนื้อนุ่มตัวกลมนำเข้าจากเบอร์กันดี ให้ความรู้สึกกรอบนุ่มคล้ายเห็ด ปรุงรสด้วยเนยให้เค็มมันพอดี มีการเซ็ตติ้งกับซอสอย่างลงตัว และยังมีเมนูพิเศษชวนให้คนที่ยังไม่กล้ากินหอยทากได้ลิ้มลองผ่านเมนูพัฟเอสคาโก้ เป็นต้น และในอนาคตอันใกล้นี้ VINIFERA เตรียมที่จะดึงเอกลักษณ์อาหารแต่ละภูมิภาคของฝรั่งเศสมานำเสนอ เพิ่มเมนูอาหารพื้นถิ่นทางใต้ของฝรั่งเศสสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนในกลุ่มสลัด เมนูปลา ซุปปลา ซึ่งเป็นอาหารที่ให้รสสัมผัสที่เบากว่าเมนูทั่วไป อาจตรงกับสไตล์ความชอบของคนไทยที่ยังไม่คุ้นชินกับอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับ
คุณลุค กล่าวต่อว่า นอกจากความโดดเด่นของเมนูอาหารและไวน์ชั้นเยี่ยมแล้ว ร้าน VINIFERA ยังฉีกกฎและภาพลักษณ์ร้านอาหารยุโรปสุดหรูหราฟู่ฟ่าและดูเป็นทางการ เปลี่ยนให้เป็นสถานที่ชิลเอ้าท์สุดแสนสบาย เกิดเป็นแนวคิดร้านอาหารฝรั่งเศสแบบใหม่ที่อบอุ่น เป็นมิตร แต่คงไว้ด้วยคุณภาพอาหารเครื่องดื่มทั้งไวน์และเบียร์บัดไวเซอร์ (budweiser) และโฮการ์เด้น (hoegaarden) พรั่งพร้อมด้วยงานบริการระดับ 5 ดาว ผ่านการแต่งร้านให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนรับประทานสบายๆ ที่บ้าน ซึ่งเป็นสไตล์ความชื่นชอบส่วนตัวที่เขาอยากจะแชร์กับคนอื่นให้รู้สึกและร่วมอิ่มเอมกับบรรยากาศแบบเดียวกันนี้ อีกทั้งยังกำหนดราคาไม่สูงจนเกินเอื้อม รวมไวน์และเมนคอร์สอยู่ที่ราคาประมาณ 500 บาท และราคาที่แจ้งคือราคาที่จ่ายจริงไม่มีแอบแฝง ไม่มีเซอร์วิสชาร์ตและค่าธรรมเนียมเพิ่มให้กังวลใจ
"เราเลือกทำเลตั้งร้านที่โชคชัย 4 เพราะอยากได้ร้านอาหารที่มีพื้นที่สีเขียวและที่นี่ก็ตรงใจ เราพยายามคงธรรมชาติของพื้นที่ไว้ให้มากที่สุด ซึ่งการก่อสร้างร้านแห่งนี้ไม่มีการตัดต้นไม้ใดๆ ทั้งสิ้น เราเชื่อว่าคอนเซ็ปต์นี้ด้วยรูปลักษณ์แบบ Homey รองรับลูกค้าไม่หนาแน่นจนเกินไป ทำให้ VINIFERA มีเสน่ห์และดึงดูดใจลูกค้าคนรุ่นใหม่ทั้งกลุ่มคนทำงาน คู่รัก หรือกลุ่มครอบครัว ที่หลงใหลการดื่มไวน์ ดื่มด่ำบรรยากาศสบายๆ ชอบความแปลกใหม่ให้มาที่นี่ ถึงแม้จะมีร้านอาหารที่ให้บริการอาหารและไวน์ชื่อดังหรือตัวเลือกมากมายที่มีอยู่ตอนนี้ก็ตาม และในอนาคต เรากำลังวางแผนสรรหานักปรุงเครื่องดื่มหรือมิกโซโลจิสต์ เพื่อสร้างสรรค์สูตรค็อกเทลและม็อกเทลที่สมบูรณ์แบบ พร้อมกับบาร์เทนเดอร์มาเนรมิตเมนูค็อกเทลที่เป็นซิกเนเจอร์ด้วย ส่วนเป้าหมายที่อยากจะเพิ่มเติม ผมอยากมีพื้นที่บริการ VINIFERA Garden ที่สามารถมาแฮงเอ้าท์ได้แบบเอ้าท์ดอร์ พร้อมกับปรับพื้นที่ชั้นบนเป็นโซฟานั่งสบายเพิ่มขึ้น" คุณลุค กล่าวทิ้งท้าย ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ 087 328 2090 หรือ อัพเดทผ่านช่องทาง https://web.facebook.com/viniferabkk/
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit