นายชาตรี เกตุเรน สหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ส่งเสริมอาชีพด้านประมง ให้กับสหกรณ์นิคมประมงนครศรีธรรมราช จำกัด เลี้ยงสัตว์น้ำแบบธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง ปลา และปู ต่อมาในปี 2560 เห็นว่าปูดำเป็นที่ต้องการของตลาดและราคาค่อนข้างดี จึงได้สนับสนุนงบประมาณในการเลี้ยงปูแบบอินทรีย์ปีละ 30 ราย รายละ 3,000 บาท และขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ประมงมาให้ความรู้กับเกษตรกรเกี่ยวกับการเลี้ยงปูอินทรีย์อย่างถูกวิธี ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากสมาชิกดีมาก ดังนั้นในอนาคตจึงมีแผนว่าจะขยายการผลิตเพิ่ม โดยขณะนี้กำลังประสานกับประมงในพื้นที่เพื่อทำในรูปแบบของธนาคารปูต่อไป
ด้านนายอาทิตย์ มุสิกวงศ์ ประธานสหกรณ์นิคมประมงนครศรีธรรมราช จำกัด กล่าวว่า เมื่อได้รับงบประมาณจากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช สหกรณ์ฯ จึงได้คัดเลือกสมาชิกที่มีความสมัครใจเลี้ยงปูแบบอินทรีย์ จำนวน 30 ราย โดยสหกรณ์ฯ จัดซื้อลูกพันธุ์ปูดำมาแจกจ่ายให้กับสมาชิก เพื่อนำไปเลี้ยง ซึ่งในการเลี้ยงแบบอินทรีย์นั้น เป็นการเลี้ยงแบบปล่อยให้หากินเองตามธรรมชาติในพื้นที่ 30 ไร่ หลังจากปล่อยไปเป็นเวลา 2 เดือนก็สามารถจับมาขายได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ประมงเข้ามาตรวจสอบปริมาณสารตกค้าง ที่ผ่านมาไม่พบสารตกค้างแต่อย่างใด ทำให้ขายได้ในราคาค่อนข้างสูง และไม่ขึ้นลงตามราคาท้องตลาดถึงแม้บางครั้งผลผลิตจะมีเป็นจำนวนมากก็ตาม โดยราคาจะคงที่เป็นเดือน เนื่องจากแต่ละเดือนจะมีพ่อค้ามาประมูลราคาผลผลิตที่สหกรณ์ฯ ได้รวบรวมไว้จากสมาชิก จึงได้ราคาเดียวกันตลอดทั้งเดือน ซึ่งล่าสุดปูไข่เล็ก ราคา 500 กว่าบาทต่อกิโลกรัม ปูไข่รอง ราคา 600 กว่าบาทต่อกิโลกรัม และปูไข่ใหญ่ราคา 700 กว่าบาทต่อกิโลกรัม ที่ผ่านมาสหกรณ์ฯ จะเน้นส่งเสริมให้สมาชิกทำประมงแบบธรรมชาติอยู่แล้ว โดยเลี้ยงรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงกุ้ง ปลา และปู และใช้วิธีการจับแบบดั้งเดิม เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดกับระบบนิเวศ เนื่องจากพื้นที่ในการเลี้ยงส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลน ดังนั้น การส่งเสริมให้เลี้ยงปูอินทรีย์จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับสมาชิกทุกคน อีกทั้งการได้รับสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว ยังสามารถช่วยให้สมาชิกลดต้นทุนในการผลิต และมีกำลังใจในการทำแบบอินทรีย์ รวมถึงมีตลาดรองรับที่ชัดเจน มีรายได้ที่แน่นอน ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
นอกเหนือจากการส่งเสริมอาชีพแล้ว สหกรณ์ฯ ยังดำเนินธุรกิจอีกหลายด้าน ประกอบด้วย ธุรกิจรับฝากเงิน ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ธุรกิจสินเชื่อ และธุรกิจรวบรวมผลผลิตจากสมาชิก ซึ่งการรวบรวมผลผลิตนั้น สหกรณ์ฯ จะเฉลี่ยคืนให้กับสมาชิกที่นำผลผลิตมาจำหน่ายให้กับสหกรณ์ฯ จำนวนครึ่งหนึ่งของผลกำไรทั้งหมดที่สหกรณ์ได้รับ โดยจะเฉลี่ยคืนในทุก 6 เดือน เป็นการสร้างประโยชน์ให้กับสมาชิกได้อย่างแท้จริง