เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม 2562 เวลา 08.45 น. ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวอรนุช ศรีนนท์)นำคณะเยาวชนอาเซียนเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระยุคลบาท รุ่นที่ 3 โดยมีเยาวชนผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียน+2 (ราชอาณาจักรภูฏาน และสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต) จำนวน 70 คน พร้อมคณะ เยี่ยมชมและศึกษาดูงานศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร ในการนี้ นายสุริยะ วิริยะสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ให้การต้อนรับ และนายโรจน์วัฒน์ อินทร์ทุ่ง ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ แนะนำความเป็นมาของศูนย์ศึกษาฯ พร้อมบรรยายสรุปแนวพระราชดำริ ผลการดำเนินงาน ผลสำเร็จ และการขยายผลการพัฒนาไปสู่ประชาชน หลังจากนั้นนำคณะเยาวชนเยี่ยมชมบริเวณพื้นที่รอบศูนย์ศึกษาฯ และร่วมลงมือทำกิจกรรม 3 กิจกรรม ได้แก่ ฐานเรียนรู้การพัฒนาด้านประมง ฐานเรียนรู้ด้านปศุสัตว์ 3 ดำมหัศจรรย์ และฐานศึกษาและพัฒนาระบบเกษตรผสมผสาน ทั้งนี้ เพื่อให้เยาวชนฯ ได้นำความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาดูงานและลงมือปฏิบัติในครั้งนี้
ต่อมาในวันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562 เวลา เวลา 08.00 น. คณะเยาวชนอาเซียนดังกล่าว เดินทางไปยังบริเวณที่ทำการโครงการอ่างเก็บน้ำลำพะยังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปความเป็นมาและผลการดำเนินงานของโครงการอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จากนั้นเยี่ยมบ้านเกษตรกรพร้อมลงมือปฏิบัติ ณ บ้านเกษตรกรต้นแบบที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ได้แก่ บ้านเกษตรกรนายวิศักดิ์ อารมณ์สวะ เกษตรกรต้นแบบด้านการพัฒนาที่ดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและการถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน บ้านเกษตรกรนายจันทร์ที โคตรดก เกษตรกรต้นแบบที่ประสบผลสำเร็จด้านเกษตรผสมผสานตามแนวคิดการเกษตรทฤษฎีใหม่ : กลุ่มเกษตรคนรุ่นใหม่ตามรอยพ่อ วิถีภูไท เขาวง
จากการศึกษาดูงานของคณะเยาวชนอาเซียนฯ ในครั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร. ) และศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร เพื่อให้เยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้ถึงแนวพระราชดำริ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่หน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน สถาบันการศึกษา และเกษตรกรในการน้อมนำแนวพระราชดำริหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้จนก่อเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงอุทิศพระองค์ในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่าง ๆ นานัปการด้วยพระวิริยะอุตสาหะในการทรงงานอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งทรงพระราชทานพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการพัฒนาตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับประเทศ อันเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยให้ประชาชนและชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและสามารถพึ่งตนเองได้ นำไปสู่ความสมดุลของชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม และเป็นแนวทางในการพัฒนาสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ประกอบกับพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานตามแนวทางพระราชดำริ ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชนและพัฒนาประเทศชาติให้มีความมั่นคงและเจริญก้าวหน้า โดยคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นสำคัญ
สำหรับการจัดโครงการเยาวชนอาเซียนเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระยุคลบาทนี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้และเผยแพร่พระเกียรติคุณให้เป็นที่ประจักษ์สู่นานาประเทศ ซึ่งมีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของการพัฒนาระดับนานาชาติ โดยองค์การสหประชาชาติเพื่อโลกอนาคตได้น้อมนำแนวพระราชดำริดังกล่าวมาเป็นแนวทางการดำเนินงาน รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในฐานะที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี พ.ศ. 2562 นี้
คณะเยาวชนจากประเทศสมาชิกอาเซียนที่เดินทางเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ประกอบด้วย บรูไนดารุสซาลาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา ลาว เมียนมา สิงคโปร์ และไทย ประเทศละ 6 คน และเยาวชนผู้แทนประเทศที่สนใจน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ จำนวน 2 ประเทศ คือ ราชอาณาจักรภูฏาน และสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ – เลสเต รวมเป็น 12 ประเทศ จำนวน 70 คน เพื่อนำองค์ความรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเอง ครอบครัวและสังคมให้มีความเจริญก้าวหน้าและพัฒนาประเทศภูมิภาคอาเซียนให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนร่วมกันสืบไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit