การชิงชัยในรอบสุดท้าย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม "โปรแจ๊ส" สวิงดาวรุ่งวัย 23 ปีของไทย ออกสตาร์ตตามผู้นำ โยชิโมริ ฟูจิโมโตะ จากญี่ปุ่นอยู่ 1 สโตรก เปิดฉากได้อย่างยอดเยี่ยมใน 9 หลุมแรกเก็บเบอร์ดี้หลุม 1,2, 4, 6 และ 8 ขยับขึ้นมาเป็นจ่าฝูง ทิ้งห่าง 3 สโตรก
เข้าสู่ช่วง 9 หลุมหลัง แม้โปรแจ๊ส เสียโบกี้แรกของวันที่หลุม 13 แต่มาได้เบอร์ดี้ที่หลุม 16 และ 18 ปิดสกอร์วันสุดท้าย 6 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสี่วันได้ 18 อันเดอร์พาร์ 266 ผงาดคว้าแชมป์ไปครอง โดยเอาชนะ โยชิโนริ ฟูจิโมโตะ จากญี่ปุ่น และพอล เคซีย์ นักกอล์ฟอันดับ 24 ของโลกจากอังกฤษ 2 สโตรก พร้อมรับเงินรางวัล 180,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 5.7 ล้านบาท และได้สิทธิ์ผ่านเข้าไปแข่งขันในรายการเมเจอร์ ดิ โอเพน แชมเปียนชิพ เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน หลังจากทำได้เมื่อปีที่แล้ว และขยับอันดับโลกขึ้นไปอยู่ในท็อป 100 เป็นครั้งแรก
สำหรับพอล เคซีย์ หวดเพิ่ม 6 อันเดอร์พาร์ 65 เช่นกันในรอบสุดท้าย แต่ไล่ไม่ทัน สกอร์รวมสี่วันมี 16 อันเดอร์พาร์ 268 ได้อันดับ 2 ร่วมกับโยชิโรนิ ฟูจิโมโตะ ที่เก็บเพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ 68 ในวันสุดท้าย ส่วนแมทธิว ฟิตซ์แพตทริค มืออันดับ 40 ของโลกจากอังกฤษ ได้อันดับ 4 จบผลงานสี่วัน 14 อันเดอร์พาร์ 270
ทางด้าน "โลมายักษ์" พรหม มีสวัสดิ์ รอบสุดท้ายตีเข้ามา 3 อันเดอร์พาร์ 68 รวมสี่วันมี 9 อันเดอร์พาร์ 275 จบอันดับ 5 ร่วมกับ ดอยยอพ มุน จากเกาหลีใต้ ได้ตั๋วผ่านเข้าไปเล่นในศึกเมเจอร์ ดิ โอเพน แชมเปียนชิพ ครั้งที่ 148 ที่สนามรอยัลพอร์ตรัช กอล์ฟ คลับ ประเทศไอร์แลนด์เหนือในเดือนกรกฎาคมนี้
โปรแจ๊ส คว้าแชมป์เอเชียนทัวร์ รายการที่ 3 ของตัวเองต่อจากบังคลาเทศ โอเพน เมื่อปี 2017 และควีนส์ คัพ เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว กล่าวเปิดใจภายหลังว่า ดีใจมากๆที่ได้แชมป์รายการนี้เพราะเป็นรายการใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยได้มา เป็นรายการโคแซงชั่นเจแปนทัวร์ด้วย และมีนักกอล์ฟในท็อป 50 อันดับโลกของโลกมาเล่นกันหลายคน โดยตอนแรกไม่ได้มองถึงแชมป์ตั้งเป้าคว้าตั๋วไปเล่นเมเจอร์ ดิ โอเพน เพราะการได้ไปเล่นในเมเจอร์รายการนี้เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ได้เจอกับโค้ช พีต โคแวน ซึ่งเข้ามาปรับเปลี่ยนวงสวิงของผมให้ดีขึ้น จึงอยากไปอีกทำให้มีความสุขมากที่ทำได้ตามเป้าหมายอีกครั้ง และการได้แชมป์ถือเป็นโบนัสพิเศษ ทำให้อันดับโลกขยับขึ้นไปติดในท็อป 100 ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเล่นรายการใหญ่มากขึ้น
โปรวัย 23 ปีของไทยกล่าวอีกว่า สำหรับฤดูกาล 2019 จะพยายามลงเล่นทุกรายการที่มีโอกาสทั้งในเอเชียนทัวร์ เจแปนทัวร์ และยูโรเปี้ยนทัวร์บางรายการ โดยเป้าหมายต่อไปคือการขยับไปติดใน 50 อันดับแรกของโลกให้ได้ และหวังเดินรอยตามพี่อาร์ม กิรเดช อภิบาลรัตน์ ที่ขึ้นไปอยู่ในท็อป 30 ของโลก
ด้านพรหม มีสวัสดิ์ กล่าวว่า แฮปปี้ที่จะได้กลับไปเล่นในดิ โอเพ่น อีกครั้ง หลังจากเคยไปแข่งขันรายการนี้เมื่อปี 2011 ที่รอยัล เซนต์ จอร์จ ซึ่งได้ประสบการณ์ที่ดีกลับมา ครั้งนี้จะไปเล่นที่สนามรอยัล พอร์ตรัช จะมีกิรเดช อภิบาลรัตน์ และแจ๊ส ไปด้วยน่าจะได้ประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป สำหรับผลงานในสัปดาห์นี้เล่นดีมาก พัตต์ก็โอเค สนามนี้กรีนใหญ่ พัตต์ต้องน้ำหนักดี ผิดพลาดน้อย โดยการพัตต์เบอร์ดี้หลุมสุดท้ายของวันนี้สำคัญมาก ทำให้สกอร์ขยับมาเป็น 9 อันเดอร์พาร์ และได้ตั๋วไปเล่นเมเจอร์ โดยรวมพอใจกับผลงาน นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่จบใน 10 อันดับแรกในสนามแห่งนี้
ผลงานนักกอล์ฟไทยคนอื่นๆ กัญจน์ เจริญกุล ได้อันดับ 7 ร่วมกับเซอร์จิโอ การ์เซีย แชมป์เก่าจากสเปน จบสี่วัน 8 อันเดอร์พาร์ 276 ภาณุพล พิทยารัฐ อันดับ 9 ร่วม รวมสี่วันมี 7 อันเดอร์พาร์ 276 ชัพชัย นิราช และพชร คงวัดใหม่ อันดับ 18 ร่วมมี 5 อันเดอร์พาร์ 279 ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์ และสุรดิษ ยงค์เจริญชัย 4 อันเดอร์พาร์ 280 อันดับ 24 ร่วม ถิรวัฒน์ แก้วศิริบัณฑิต อันดับ 38 ร่วม สกอร์รวมสี่วัน 2 อันเดอร์พาร์ 282 ประหยัด มากแสง แชมป์เก่าปี 2017 และธันยากร ครองผา อันดับ 47 ร่วม สกอร์รวมสี่วัน 1 อันเดอร์พาร์ 283
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit