นายจิโรจ ณ นคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอสจีเอส ประเทศไทย เป็นบริษัทที่มีการพัฒนาและเติบโตตลอดระยะเวลาที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และเราไม่ลืมที่จะร่วมพัฒนาและสร้างสรรค์สังคมและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ "เอสจีเอส อาสาทำดีเพื่อน้อง" ซึ่งกิจกรรมจิตอาสา ส่งเสริมให้พนักงานในองค์กรมีจิตสาธารณะ คิดดี ทำดี รู้จักแบ่งปันเพื่อประโยชน์แก่สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ตระหนักถึงคุณค่าและเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง นอกจากนี้ยังเกิดทักษะในการทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งจะทำให้เกิดความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
"สำหรับโครงการ "เอสจีเอส อาสาทำดีเพื่อน้อง" ในครั้งนี้ เอสจีเอส ประเทศไทย มีความตั้งใจให้พนักงานจิตอาสามีส่วนร่วมในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมพร้อมไปกับช่วยเหลือชุมชน ซึ่งได้จัดกิจกรรมโดยมีตัวแทนพนักงานจิตอาสา เอสจีเอส ประเทศไทย กว่า 40 คนได้ร่วมกันส่งมอบโครงการปรับปรุงอาคารผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ให้แก่โรงเรียนบ้านเกาะบูโหลนดอน พร้อมกับสร้างและมอบห้องสมุด ร่วมกับการบูรณะสนามเด็กเล่น ให้แก่โรงเรียนบ้านตันหยงละไน้ อำเภอละงู จังหวัดสตูล เนื่องจากทางโครงการได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสังคมที่ดีย่อมเกิดจาก สิ่งแวดล้อมที่ดี ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ และชุมชนที่น่าอยู่และปลอดภัยโดยกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯ ครั้งนี้ ดำเนินการภายใต้แนวคิดหลักที่ว่า ส่งเสริมการศึกษาอย่างต่อเนื่องควบคู่การพัฒนาชุมชน" นายจิโรจ กล่าว
ด้านนายจิตรกร หมีนสัน ผู้อำนวยการ โรงเรียนบ้านเกาะบูโหลน(ดอน) เปิดเผยว่า "รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจที่ ผู้บริหารเอสจีเอสประเทศไทยและพนักงานจิตอาสาทุกคนมาทำกิจกรรม "เอสจีเอส อาสาทำดีเพื่อน้อง" โดยได้มาปรับภูมิทัศน์ ทาสีและปรับปรุงซ่อมแซมอาคารผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในเรื่องของการศึกษาของโรงเรียนแห่งนี้ เพราะในพื้นที่เองไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ห่างไกล พื้นที่เกาะ พื้นที่ชายขอบ ซึ่งถ้าโรงเรียนมีไฟฟ้าใช้ต่อไปการศึกษาที่นี่คงจะดีขึ้น เพราะในเรื่องของการศึกษาถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องร่วมด้วยช่วยกันทั้งในส่วนของภาครัฐ ภาคเอกชน ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีของบริษัท สำหรับกิจกรรมในวันนี้นับว่าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อโรงเรียนบ้านเกาะบูโหลนเป็นอย่างมาก เด็กนักเรียนจะได้ใช้สื่อที่ทันสมัย และมีอินเตอร์เนตใช้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า และเป็นขวัญกำลังใจสำหรับครูที่มาทำงานบนเกาะแห่งนี้ ผมในฐานะตัวแทนต้องขอขอบคุณพนักงานที่มาทำกิจกรรม "เอสจีเอส อาสาทำดีเพื่อน้อง" ในครั้งนี้"
นายอับดุลอาซีร์ ยาหมาย ผู้อำนวยการ โรงเรียนตันหยงละไน้ กล่าวว่า "สำหรับกิจกรรม "เอสจีเอส อาสาทำดีเพื่อน้อง" ในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมากๆ ที่ให้โอกาสกับโรงเรียนตันหยงละไน้ ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆ บนเกาะเล็กๆ ในจังหวัดสตูล ซึ่งพอได้งบจากกิจกรรมในครั้งนี้มาก็รู้สึกดีใจมากๆ โดยผมและชุมชนได้มาประชุมและปรึกษากันว่าจะนำงบในครั้งนี้มาทำอะไรให้เกิดประโยชน์ต่อเด็กๆและชุมชน จนกระทั่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะทำสนามเด็กเล่น และแหล่งเรียนรู้ของเด็กๆนั้นก็คือห้องสมุด และถ้าอาคารนี้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว น่าจะเป็นแหล่งต่อยอดศึกษาหาความรู้ ซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะนักเรียนภายในโรงเรียนเท่านั้น แต่เป็นแหล่งต่อยอดของชุมชนด้วยเช่นกัน ในส่วนของพื้นที่สนามเด็กเล่น ซึ่งเป็นแหล่งที่ทุกคนเข้าถึง"
เด็กหญิงลลิตา อุสมา (น้องจ้า) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เปิดเผยความรู้สึกว่า "รู้สึกดีใจ และขอขอบคุณที่พี่ๆ มาสร้างห้องสมุดห้องแรกของโรงเรียนและสนามเด็กเล่นให้ในครั้งนี้ โดยแต่ก่อนบริเวณนี้จะเป็นสนามเด็กเล่นที่ไม่มีหลังคา ยิ่งอากาศร้อนบริเวณนี้จะร้อนมาก และพื้นเป็นดิน ถ้าวันไหนฝนตก พื้นก็จะเป็นโคลนและไม่สามารถมาใช้สนามแห่งนี้ได้ ในส่วนของห้องสมุดซึ่งแต่ก่อนเรามีแค่ห้องเก็บหนังสือที่กั้นจากห้องน้องๆ ชั้นประถมต้น แต่พอพี่ๆ มาสร้างห้องสมุดในครั้งนี้หนูและเพื่อนๆ น้องๆ จะได้มีห้องสมุดไว้อ่านหนังสือต่างๆ เพื่อหาความรู้ในเวลาพักเที่ยงแล้วค่ะ"
เด็กชายปฏินันท์ ศรีพุฒ (น้องธันวา) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เปิดเผยความรู้สึกว่า "ผมและเพื่อนๆ รู้สึกดีใจที่ต่อไปนี้จะมีห้องสมุดไว้อ่านหนังสือเพื่อหาความรู้ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ สารคดีสัตว์ดึกดำบรรพ์และไดโนเสาร์ที่ผมชอบเป็นพิเศษ สำหรับสนามเด็กเล่นผมจะชวนเพื่อนๆ มาเตะฟุตบอลหลังจากเลิกเรียนในช่วงตอนเย็นครับ และผมสัญญากับพี่ๆ ทุกคนว่า ผมและเพื่อนๆ โรงเรียนตันหยงละไน้จะดูแลรักษาทั้งห้องสมุดและสนามเด็กเล่นให้เป็นอย่างดีครับ"
นางสาวปานไพลิน ชูชาร์ลี (น้องฟ้า) พนักงานจิตอาสา เอสจีเอส ประเทศไทย ผู้เขียนเสนอการทำกิจกรรมในครั้งนี้ เปิดเผยความรู้สึกว่า "ฟ้าได้มีโอกาสไปร่วมทำกิจกรรม CSR กับบริษัทที่จังหวัดนครพนมซึ่งมีระยะทางในการเดินทางไกลพอกันกับจังหวัดสตูล และเมื่อบริษัทฯได้ให้โอกาสพนักงานส่งการทำกิจกรรม CSR ในครั้งนี้ ฟ้าจึงเขียนเสนอที่จังหวัดสตูลซึ่งเป็นบ้านเกิดของฟ้า และด้วยทางบริษัทไม่ได้คำนึงถึงสถานที่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล แต่เขาน่าจะคัดเลือกจากการขัดสน หรือ ขาดแคลน จริงๆ ก็เลยเสนอเข้าไปดู ทางคณะกรรมการก็เลยคัดเลือกมา 2 โรงเรียนได้แก่ โรงเรียนบ้านเกาะบูโหลน(ดอน) ซึ่งอาคารผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ที่โรงเรียนใช้ไม่ได้เลย คุณครูมีแค่เครื่องปั่นไฟเก่าๆ เพียง 2 ตัว ซึ่งคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องก็ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง และพัดลมเพดานก็ใช้ไม่ได้เพราะไม่มีไฟฟ้า ยิ่งถ้าอากาศร้อน เด็กๆ ก็จะร้อนมากเพราะไม่มีพัดลม ยิ่งเรามารู้สาเหตุที่แผงโซลาร์เซลล์มันพังเพราะอะไร พอเรามาซ่อม ก็กลัวว่าจะพังเหมือนเดิมอีกมั้ย เราเลยให้ซัพพลายเออร์ตั้งค่าไว้ หน่วงไว้ไม่ให้เกิดเครื่อง error ก็รู้สึกว่ามันยั่งยืนกว่าเดิมพร้อมการปรับภูมิทัศน์อาคารให้ดูสวยงาม"
สำหรับโรงเรียนตันหยงละไน้ เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดแคลนสนามเด็กเล่น และแหล่งเรียนรู้ของเด็กๆนั้นก็คือห้องสมุด โดยกิจกรรมในครั้งนี้ คนที่ไปร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่ก็จะตั้งใจไปทำงาน ช่วยกันทำให้สำเร็จลุล่วงตามแผนที่เราวางไว้ และทุกคนก็จะเห็นสิ่งที่พวกเด็กๆ ได้ เขาได้อะไรบ้าง เขาก็จะรู้สึกดี มันก็เหนื่อย แต่เหนื่อยก็หาย พอเห็นว่าต่อไปเด็กๆ จะมีสนามเด็กเล่นที่มีหลังคา มีห้องสมุดไว้หาความรู้ ความรู้สึกในขณะที่เราทำกิจกรรมทั้ง 2 โรงเรียน ฟ้าและพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนคงมีความรู้สึกเหมือนกันคือ ร้อน เหนื่อย แต่พอได้ลงมือทำและมีรอยยิ้มของน้องๆ ที่มาช่วย มันทำให้ความรู้สึกเหนื่อย อากาศที่ร้อนหายไป และกลายเป็นกำลังใจ ดีใจและภูมิใจเข้ามาแทน
นางสาวสุติมา ฤทธิโชติ (น้องเอ๋) หนึ่งในพนักงานจิตอาสา เอสจีเอส ประเทศไทย กล่าวว่า "รู้สึกดีใจ ที่ได้เป็นตัวแทนของเพื่อนๆ ที่ไม่ได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้เราได้พบความประทับใจ 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นส่วนของการทำงานร่วมกันกับเพื่อนต่างแผนก และต่างสาขา อย่างเช่นเพื่อนพนักงานที่หาดใหญ่ ซึ่งเราไม่รู้จักกันมาก่อน แต่พอเรามาเจอกัน มาทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้เรารู้ว่า กิจกรรมในวันนี้มันสร้างความสามัคคี และก็สร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้น อีกส่วนหนึ่งคือ ความไม่พร้อมหรือว่าความขาดแคลนของโรงเรียนที่เรายังมองไม่เห็นและยังขาดโอกาส แต่ว่าครู นักเรียน และชาวบ้านยังสามัคคีกันที่จะขวนขวายหาอะไรให้มันดีเพื่ออนาคตของเด็ก ๆ สำหรับกิจกรรมในวันนี้ถ้าถามว่าร้อนมั้ย เหนื่อยมั้ย ตอบได้เลยค่ะว่า ร้อนและเหนื่อยมาก แต่มันก็สนุกและรู้สึกภูมิใจมากกว่า ที่ครั้งหนึ่งเคยผ่านช่วงเวลาในวัยเด็ก ทำให้เรารู้ว่า เราโชคดีกว่าเด็กหลายๆ คนที่นี่ โรงเรียนที่เราเคยเรียนอยู่มีอุปกรณ์การเรียนครบ แต่พอมาเห็นน้องๆ ที่ขาดแคลน มันทำให้ความเหนื่อยตรงนั้นมันหายไป มันกลับกลายเป็นความภูมิใจที่เข้ามาแทนจนทำให้ความเหนื่อย ความร้อน มันจางหายไป"
ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา เอสจีเอส ประเทศไทย ได้มุ่งเน้นกิจกรรมเพื่อสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคืนสิ่งดีๆ ให้กับสังคมนั้น โดยมีกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของการศึกษา และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชุมชน เช่น การปรับปรุงอาคารเรียนให้กับเด็กๆ ชุมชนชาวไทยภูเขา การสร้างอาคารเรียนให้กับเด็กพิการ การทำสื่อการเรียนการสอนบนถุงผ้า การปลูกป่าชายเลนเพื่อเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำและป้องกันการกัดเซาะชายตลิ่ง การปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเพิ่มปอดให้กับคนเมือง เป็นต้น โดยกิจกรรมต่างๆ พนักงานจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิบัติจริง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อันส่งผลให้เกิดความยั่งยืนของธุรกิจ และขยายวงกว้างสู่สังคม และเราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาสิ่งดีๆ และเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมต่อไป นายจิโรจ กล่าวสรุปตอนท้าย
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit