โดยนายสันติ ป่าหวาย รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้เกียรติเป็นประธานการแถลงข่าว ในครั้งนี้ " ภาคใต้เป็นดินแดนที่สมบูรณ์ที่สุด มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย แต่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีต่อหัวไม่สูงนัก ดังนั้นการที่คณะรัฐบาลได้เห็นชอบกรอบการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงพัฒนาในภาคใต้ทั้งระบบ ทั้ง 2 ฝั่ง คือฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันรวมวงเงิน 200,000 ล้านบาท นั้นจะเป็นการเสริมศักยภาพให้ภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งอ่าวไทยให้ได้รับการบูรณาการ และมีศักยภาพยิ่งขึ้น "
นายสันติ กล่าวต่อไปว่า การท่องเที่ยวนั้นถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยสร้างรายได้ ที่มีมูลค่าเป็นอันดับหนึ่งของการค้าบริการรวมของประเทศ โดยคิดเป็น ร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross domestic product: GDP) การท่องเที่ยว ก่อให้เกิดการลงทุน การจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องประมาณ 2 ล้านคน โดย องค์การการค้าโลก ( WTO ) เผยว่าประเทศไทยสามารถทำรายได้จากการท่องเที่ยวได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.65 ล้านล้านบาท คว้าอันดับ 3 ของประเทศที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกประจำปี 2559 – 2560 และล่าสุดต้นปี 2019 ที่ผ่านมามาสเตอร์การ์ด ได้เผยผลสำรวจเมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางด้านอาหารและการชอปปิ้ง กรุงเทพฯ ติดอันดับ 3 เมืองที่มีการใช้จ่ายด้านอาหารมากที่สุด และติดอันดับที่ 6 ของเมืองที่มีการใช้จ่ายด้านการชอปปิ้งมากที่สุด เช่นกัน
ด้านนายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยปัจจุบันนั้น มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในพื้นที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดดึงดูดคือ เกาะต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเกาะสมุยเกาะพะงัน และเกาะเต่า ส่วนการท่องเที่ยวบนฝั่งก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญคือ เขื่อนเชี่ยวหลาน และอุทยานเขาสก ทำให้จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีรายได้กระจายในพื้นที่ กว่า 9 หมื่นล้านบาทโดยประมาณ ขณะที่ นครศรีธรรมราช ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญก็คือ บ้านคีรีวง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียง ในด้านของธรรมชาติ และวัฒนธรรม เช่นเดียวกับจังหวัดชุมพร สงขลา และพัทลุง ก็ล้วนมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออย่างมากมาย โดยมีรายการตัวเลขจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่าในปี 2018 ที่ผ่านมา กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยมีนักท่องเที่ยวทั้งจากไทยและต่างชาติมาเยือนกว่า 20 ล้านคน ก่อใหเกิดรายได้กว่า 200,000 ล้านบาท
ด้านนายฑิฆัมพร สุทธิอุดมรัตน์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ด้วยกระแสโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิตอลมีเดียมาก
ยิ่งขึ้น จากรายงานทางสถิติของดิจิตอลเอเยนซี่ ที่ทำวิจัยออกมานั้นพบว่า ในปี 2018 ที่ผ่านมาประชากรโลก กว่า 7,500 ล้านคน นั้น ใช้สื่อออนไลน์กว่า 3,000 ล้านคน โดยแพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดีย ยอดนิยมทั่วโลก คือ "Facebook" ตามมาด้วย "YouTube โดยในส่วนของประเทศไทยซึ่งมีประชากรกว่า 69 ล้านคน ก็มีการเข้าถึงสื่อออนไลน์ถึง 51 ล้านคน ที่น่าสนใจคือ"คนไทย" ใช้เวลาเข้าอินเทอร์เน็ตต่อวันมากที่สุดในโลก โดยมีกรุงเทพฯ ยังคงครองแชมป์เมืองที่มีผู้ใช้ Facebook มากสุดในโลก เมื่อสถานการณ์การท่องเที่ยวทั่วโลกรวมทั้งไทยมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ในฐานะหน่วยงานรัฐซึ่งมีหน้าที่รณรงค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยตรง จึงได้เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว พร้อมหากลไกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคดิจิตอลในปัจจุบันนี้ ด้วยแผนการผลิตสื่อภาพยนตร์เพื่อนำเสนอผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆอย่างต่อเนื่อง
นายศุภชัย นิลวรรณ ที่ปรึกษาด้านผลิตสื่อภาพยนตร์ กล่าวว่า " โจทย์คือ จะทำอย่างไรให้สื่อภาพยนตร์ และคอนเทนต์ที่จะผลิตนี้น่าสนใจ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค หรือนักท่องที่ยวให้ได้มากที่สุด ดังนั้นแนวของภาพยนตร์ หรือหนังสั้นในครั้งนี้ จึงมีความยาวประมาณ 20 นาที เน้นให้ดูสนุกเราจึงเลือกแนว โรแมนติกคอมมาดี้ คือดูจบแล้วอมยิ้ม พร้อมทั้งเลือกนักแสดงที่กำลังได้รับความนิยม อาทิคุณเพื่อนคณิน น้องแจมเนโกะ จั๊มพ์ และนักแสดงอีกหลายท่านที่มีคาแร็กเตอร์ที่น่าติดตาม สามารถทอดความประทับใจ และเสน่ห์ของพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเสริมให้สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมากมายทั้งทัศนียภาพและศิลปะวัฒนธรรมที่มีความงดงามมากมายอยู่แล้วนั้น น่าสนใจและน่าค้นหามากยิ่งขึ้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit