นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจในปี 2562 ว่า จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการก้าวสู่ยุคดิจิทัลที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หรือ Digital Disruption ดังนั้น เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และผลักดันให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน ไทยประกันชีวิตจึง Reinvent Business Model หรือยกเครื่องการดำเนินธุรกิจใหม่ทั้งหมด ผ่านการวิวัฒนาการ (Evolution) และเปลี่ยนผ่าน (Transform) วัฒนธรรมองค์กร ทั้งกระบวนการทำงานและความคิด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารความเสี่ยง การพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยี และการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสังคมอย่างครบรอบด้าน
Business Model ใหม่ของไทยประกันชีวิต คือการสร้างให้เกิดนวัตกรรมแห่งชีวิต (Life Innovation) จากอดีตที่รูปแบบการดำเนินธุรกิจประกันชีวิต เป็นธุรกิจที่คุ้มครองการเสียชีวิต (Death Protection) หรือชดเชยกรณีทุพพลภาพ (Disability Income) ซึ่งผู้เอาประกันจะได้รับเงินสินไหมทดแทนเมื่อเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ แต่ Model การทำธุรกิจของไทยประกันชีวิตต่อจากนี้ จะปรับเปลี่ยนสู่การคุ้มครองการเจ็บป่วยของลูกค้า (Illness Protection) เพื่อลดภาระค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง การส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับลูกค้า (Health Improvement) การวางแผนการเงินและการลงทุน สำหรับตนเองและครอบครัว อันจะส่งผลให้ลูกค้ามีสุขภาพที่ดี มีชีวิตที่ยืนยาว และมีความสุขบนความมั่งคั่งในบั้นปลายชีวิต
การสร้าง Life Innovation อย่างเป็นรูปธรรม ไทยประกันชีวิตจึงกำหนดเป้าหมายสู่การเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต หรือ Life Solutions เพื่อตอบโจทย์ New Business Model และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะความต้องการด้านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ชีวิตอย่างครบรอบด้าน ภายใต้แนวคิดการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Customer Centric โดยการพัฒนาแบบประกันในกลุ่ม Life Solutions Product หรือ "ไทยประกันชีวิต ฟิตรอบด้าน" เพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคง และวางแผนชีวิตให้ลูกค้าอย่างครบรอบด้านในทุกช่วงของชีวิต ประกอบด้วย 5 กลุ่มแบบประกัน ได้แก่ กลุ่ม Money Fit การวางแผนด้านการเงิน การออมเงินที่ได้ผลตอบแทนแน่นอน อาทิ ประกันออมทรัพย์ ประกันเพื่อการลดหย่อนภาษี ประกันคุ้มครองหนี้ ประกันบำนาญ เป็นต้น กลุ่ม Investment Fit การวางแผนการลงทุนที่คุ้มค่า และได้ผลตอบแทนที่ดี เพื่อสร้างรากฐานชีวิตที่มั่นคง อาทิ ประกันควบการลงทุน Universal Life หรือ Unit Linked
กลุ่ม Legacy Fit การสร้างกองทุนมรดกเพื่อครอบครัว หรือการออมเพื่อการศึกษาบุตร เพื่อส่งต่อความรักและความมั่นคงให้กับคนที่รักและห่วงใย กลุ่ม Life Fit การสร้างหลักประกันคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ เมื่อผู้เอาประกันดูแลสุขภาพดีจะมีส่วนลดเบี้ยประกัน อาทิ ประกันประเภทคุ้มครอง ประกันประเภท Life Fit และกลุ่ม Health Fit การคุ้มครองสุขภาพและค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้ที่รักสุขภาพของตนเองและครอบครัว อาทิ สัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือคุ้มครองโรคร้ายแรง
"การสร้าง Life Innovation บริษัทฯ จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามา Plug-In เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร และการทำงานของบุคลากร ที่สำคัญต้องก่อให้เกิด Business Impact" นายไชยกล่าวและว่า
ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจโดยตระหนักถึงคุณค่าของคน ตามวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจในลักษณะ People Business ซึ่งปัจจัยสำคัญในการ Reinvent Business Model ต้องเกิดจากคนในองค์กร ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องปรับเปลี่ยน Mindset ของบุคลากร โดยเฉพาะตัวแทนประกันชีวิต ที่ต้องเป็นมากกว่านักขายหรือผู้นำสินไหมส่งให้ลูกค้า แต่ต้องยกระดับสู่การเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต หรือ Life Solutions Provider เป็นผู้รอบรู้ และรู้รอบ สามารถวางแผนดูแลชีวิตให้กับลูกค้าอย่างครบรอบด้าน พร้อมสร้างและส่งต่อคุณค่าที่ดีให้กับลูกค้าและสังคม
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดคุณวุฒิตัวแทนตามทักษะความรู้ ความสามารถ และความเป็นมืออาชีพ ประกอบด้วย Life Partner เป็นผู้วางแผนดูแลชีวิตลูกค้าอย่างครบรอบด้าน สามารถนำสุขภาพที่ดีไปสู่ลูกค้า ซึ่งต้องมีใบอนุญาตตัวแทนประกันชีวิต และผ่านการอบรมหลักสูตร Life Partner (LP) และก้าวถัดไปของตัวแทน ที่ต้องเป็น Financial Partner คู่คิดที่เชี่ยวชาญการวางแผนด้านการออม การลงทุน ซึ่งต้องผ่านการอบรมขึ้นทะเบียนเป็นผู้ขายแบบประกัน Universal Life และใบอนุญาต IC License เพื่อขายสินค้า Unit Linked นอกเหนือจากการมีใบอนุญาตตัวแทนประกันชีวิต
ขณะเดียวกัน ยังปลูกฝังให้บุคลากรตระหนักถึงการสร้างกับคุณค่าของชีวิต (Value of Life) คุณค่าของความรัก (Value of Love) และคุณค่าของความเป็นมนุษย์ (Value of People) ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นกับสังคม ด้วยการสร้างสรรค์คุณค่าร่วม หรือ Creating Shared Value (CSV) ระหว่างสังคมและบริษัทฯ สามารถเติมเต็มความต้องการของ Stakeholder ในทุกภาคส่วน ทั้งลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น คู่ค้า และสังคม ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals : SDGs
นอกจากการปรับเปลี่ยน Mindset ของบุคลากรแล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งส่งเสริมการเรียนรู้ของบุคลากร โดยปรับรูปแบบสาขาและศูนย์บริการลูกค้า (CSC) ให้เป็นศูนย์กลางการบริการลูกค้า และการเรียนรู้ของตัวแทน โดยยกระดับศูนย์ CSC ให้เป็น Life Solutions Center ตามแนวคิดการเป็น Life Solution Provider ซึ่งลูกค้าสามารถรับบริการวางแผนดูแลชีวิต การเงิน และการลงทุน จากตัวแทน Life Partner และ Financial Partner ส่วนสาขาที่มีอยู่เกือบ 300 แห่งทั่วประเทศ จะปรับเป็นศูนย์การเรียนรู้ของตัวแทน และพัฒนาสู่ศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2561 มีเบี้ยประกันรับปีแรกช่วงเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 13,786 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 7% ในขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตเติบโต -10% เบี้ยประกันชำระครั้งเดียว 7,795 ล้านบาท อัตราการเติบโต 11% เบี้ยประกันปีต่อไป 54,094 ล้านบาท อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 83% และเบี้ยประกันรับรวม 75,675 ล้านบาท อัตราการเติบโต 4% ขณะที่ปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าเบี้ยประกันรับปีแรก 19,000 ล้านบาท เติบโต 15% แบ่งเป็นช่องทางตัวแทน 13,000 ล้านบาท และช่องทาง Non-Agent 6,000 ล้านบาท
ปี 2561 ถือเป็นปีที่ไทยประกันชีวิตประสบความสำเร็จ มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันรับปีแรกในทุกช่องทางการขาย ประกอบด้วย ช่องทางตัวแทน เติบโต 3% เทียบกับธุรกิจประกันชีวิตในช่องทางดังกล่าว เติบโต -4% ช่องทาง Bancassurance เติบโตถึง 19% ขณะที่ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิต ช่องทาง Bancassurance เติบโต -17% และช่องทาง Direct Marketing เติบโต 18% เทียบกับช่องทาง Direct Marketing ของธุรกิจที่เติบโต -5%
นายไชยกล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยประกันชีวิตยังมีความมั่นคงและความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างสูง โดยได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินจากสถาบัน Fitch Ratings สถาบันจัดอันดับเครดิตทางการเงินระดับโลก โดยอันดับความแข็งแรงทางการเงินภายในประเทศ อยู่ที่ AAA ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในไทย และระดับสากลอยู่ที่ BBB+ แนวโน้มมีเสถียรภาพ เทียบเท่าพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ออกขายในต่างประเทศ และได้รับการจัดอันดับเครดิตอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ตลอดระยะเวลาเกือบ 15 ปี
ปัจจัยหนึ่งในการสร้างความมั่นคงให้กับบริษัทฯ คือ การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ให้สามาราถดำเนินธุรกิจได้ตามความคาดหวังของลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ และรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในอนาคตได้ โดยครอบคลุม 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านสังคม ด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านการเมือง โดยบริษัทฯ เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับสถานการณ์ดังกล่าวไว้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์แบบ สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และเกิดประโยชน์สูงสุด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit