อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดครั้งแรก ในปี 2550 มีบริษัทรับซื้อปาล์มน้ำมันในจังหวัดชลบุรี มาเปิดจุดรับซื้อในพื้นที่ โดยกำหนดช่วงเวลารับซื้อ 15 วัน/ครั้ง ต่อมาเมื่อพื้นที่ปลูกมากขึ้น ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงมีการเปิดจุดรับซื้อผลผลิตปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยเกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตไปจำหน่ายได้ทุกวัน จุดรับซื้อในพื้นที่ ได้แก่ 1) เสถียรปาล์ม คลอง 9 ตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี 2) สหกรณ์ปฏิรูปที่ดิน หนองเสือ คลอง 8 ตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี 3) สหกรณ์ปั๊มบางจาก คลอง 13 ตำหนองหมู อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี และ 4) ลานปราโมทย์การเกษตร ทั้งนี้ สำหรับเกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่ในจังหวัดปทุมธานีและจังหวัดสระบุรี ได้มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีคุณภาพ โดยกลุ่มได้ให้ความรู้กับสมาชิกในการเก็บเกี่ยวผลผลิตตามมาตรฐานสินค้าเกษตรทะลายปาล์มน้ำมัน (มกษ.5702 - 2552)
"ได้มีการหารือถึงการทำงานร่วมกันจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้นำ ซึ่งจะมีการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาปาล์มน้ำมันในพื้นที่ทุ่งรังสิต โดยต้องมีพื้นที่สวนปาล์มขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 30,000 ไร่ขึ้นไป มีการบริหารจัดการแบบครบวงจร รวบรวมผลผลิตของพี่น้องเกษตรกรเป็นลานเทเพื่อส่งโรงงานสกัดเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน ถ้าพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันอยู่ในพื้นที่เดียวกัน จะช่วยลดต้นทุนทางด้านการขนส่งได้ และหากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเป็นขององค์กรเกษตรกรเองก็จะยิ่งสามารถดำเนินการบริหารจัดการได้ มูลค่าเพิ่มจะตกอยู่ในท้องถิ่น เกษตรกรจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ จะเชื่อมโยงเอาน้ำมันปาล์มดิบที่สกัดได้เข้าสู่ระบบการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งปัจจุบันนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานยกระดับการเอาน้ำมันปาล์มมาผลิตเป็นไบโอดีเซล ผลิตเป็น B20 (ใช้เฉพาะกับรถบรรทุกขนาดใหญ่) จะทำให้ตลาดที่มารองรับน้ำมันปาล์มดิบกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จะให้ดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานโดยให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเป็นฝ่ายเลขานุการ และให้รีบดำเนินการพัฒนารูปแบบให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เพื่อพัฒนาเป็นแผนแม่บทพัฒนาพื้นที่นี้ต่อไป" นายลักษณ์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit