นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธพว. กล่าวว่า ตลาดนัดจตุจักรเป็นตลาดนัดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก และติดอันดับ1ใน7ตลาดที่ดีที่สุดของโลกที่มีเอกลักษณ์เรื่องราวในประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายที่ทั่วโลกปรารถนาจะมาเยือนและถูกยกให้เป็นสวรรค์ของนักช้อป ปัจจุบันตลาดนัดจตุจักร มีพื้นที่ครอบคลุม 70 ไร่ จำนวน 30 โครงการ ซึ่งมีร้านค้าประมาณ 10,000 ร้านค้าทั้ง สินค้าแฟชั่นเสื้อผ้ารองเท้า งานวินเทจ ของขวัญ ของฝาก ของตกแต่งบ้าน งานแฮนด์เมด งานแกะสลักไม้ อาหารคาวหวานที่สุดของรสชาติ ที่ต่างชาตินิยมมา ช้อปปิ้ง เป็นต้น ดังนั้น ธพว. จึงเห็นเป็นโอกาสที่จะพัฒนาผู้ประกอบการผู้ค้าเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ในพื้นที่จตุจักรยกระดับมาตรฐาน ทั้งด้านการตลาด การจัดการ ด้านการออกแบบดีไซน์ ให้มีความทันสมัยมีเรื่องราวและใช้เครื่องมือต่างๆ ยกระดับก้าวสู่ยุค 4.0 ให้มีการพัฒนาต่อยอดเติบโตยิ่งขึ้น ปั้นต้นแบบ(Model) ผู้ประกอบการจากยอดขายระดับหลักล้านบาท และก้าวเข้าสู่ระดับอินเตอร์หนึ่งล้านดอลล่าร์ด้วยเครื่องมือการพัฒนาหลากหลายรูปแบบ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ นำไปสู่การเติบโตที่ก้าวไกล
ทั้งนี้กิจกรรม SME-D Scaleup เถ้าแก่ 4.0 ธนาคารจะมีผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษา เช่น ศูนย์ Knowledge Exchange for Innovation (KX) ภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรีที่เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ ระดับประเทศ ซึ่งเป็นศูนย์ Ecosystem ให้ความรู้และสนับสนุนเครือข่ายช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและยกระดับสตาร์ทอัพเชื่อมโยงเครือข่ายภาครัฐภาคอุตสาหกรรมและพันธมิตร นำความรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาก่อเกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยรวบรวมคณาจารย์ที่รอบรู้ทั้งด้านการออกแบบงานดีไซน์และเครื่องมือปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่จะมาให้คำปรึกษาแนะนำผู้ประกอบการแบบโค้ชชิ่งต่อธุรกิจ นอกจากนี้ ธพว.จะช่วยส่งเสริมการตลาดให้ผู้ค้าขายเข้าสู่โลกอีคอมเมิร์ช ผ่านแอพพิเคชั่นชั้นนำ เช่น Shopee และ HKTDC ของฮ่องกง ที่จะทำให้พบผู้ค้าจากทั่วโลกสามารถจับคู่ธุรกิจ ขยายตลาดเติบโตต่อไป รวมถึงธนาคารยังมีแพลตฟอร์ม SME-D Bank ที่รวบรวมแอพพลิเคชั่นด้านจัดการบัญชี ด้านการตลาด ด้านการบริหารสินค้าคงคลัง ระบบขนส่ง และการบริหารบุคคล การเขียนแผนธุรกิจ ให้บริการแก่ผู้ประกอบการผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักรสามารถเลือกทดลองใช้ได้ฟรีตามความต้องการของแต่ละกิจการด้วย
กรรมการผู้จัดการ ธพว. กล่าวอีกว่า นอกจากการพัฒนาผู้ประกอบการผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรให้เติบโตแล้ว ธนาคารยังให้เงินลงทุนเพื่อใช้ในการขยายปรับปรุงกิจการหรือหมุนเวียนในธุรกิจอีกด้วย โดยมีสินเชื่อถูกพิเศษ สินเชื่อเถ้าแก่ 4.0 ดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา 7 ปีสำหรับนิติบุคคล เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักรเข้าถึงแหล่งเงินทุนเอื้อประโยชน์ในการทำธุรกิจโดยเป็นสินเชื่อปลอดการชำระเงินต้นเป็นเวลานานถึง 3 ปี ชำระแค่ดอกเบี้ยอย่างเดียวเท่านั้น คิดเฉลี่ยผ่อนเพียงละ 410 บาทต่อวัน นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อเศรษฐกิจติดดาว สำหรับกลุ่มบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล สนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรแปรรูป ธุรกิจท่องเที่ยวชุมชนและเชื่อมโยงต่อเนื่อง รวมทั้งผู้ประกอบการใหม่มีนวัตกรรม คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 3% คงที่ 3 ปีแรก ผ่อนนาน 7 ปี โดยกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนเพียง 460 บาทต่อวัน เป็นต้น
"ผมเชื่อมั่นว่าโครงการนี้นอกจากจะช่วยผู้ค้าในจตุจักร ติดอาวุธทางปัญญาพร้อมเงินลงทุนผลักธุรกิจเติบโตยิ่งขึ้นแล้ว ยังส่งผลดีเชื่อมโยงไปถึงเศรษฐกิจฐานรากที่เป็นต้นน้ำในการผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนของผู้ค้าในจตุจักรแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศช่วยสร้างงานสร้างรายได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยภาพรวมต่อไปด้วย"
นอกจากนี้ภายในงาน ธนาคารมีกิจกรรมส่งเสริมผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำอัตราพิเศษ โดยมอบป้ายสินเชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนรวมทั้งสิ้นถึง 14 ราย ในกลุ่มสินค้าเซรามิก ผลิตภัณฑ์และของตกแต่งบ้าน กระเป๋าผลิตภัณฑ์ผ้า ผ้ามัดย้อม สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ สินค้าพื้นเมือง ตลอดจนผลิตภัณฑ์ของตกแต่งจากไม้ เป็นต้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit