จ.สมุทรปราการเปิดโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เสริมรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

02 Aug 2018
นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จังหวัดสมุทรปราการ ที่ห้องประชุมเทศบาลนครสมุทรปราการ อำเภอเมืองสมุทรปราการ โดยมี นายฐากูร ชวนะพงศ์ นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ หัวหน้าส่วนราชการและผู้ประกอบการสินค้า OTOP ในเขตพื้นที่นำร่อง 3 หมู่บ้านในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรปราการและผู้ประกอบการจากพื้นที่อำเภอต่าง ๆ รวม 140 คน เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว
จ.สมุทรปราการเปิดโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เสริมรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

สำหรับโครงการดังกล่าว สืบเนื่องมาจากรัฐบาลมีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของสังคมที่มุ่งเน้นสร้างรายได้และความเจริญ ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกับภาครัฐเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินการร่วมกับการดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP) ที่เริ่มเมื่อปี พ.ศ.2544 แต่การพัฒนา OTOP ที่ผ่านมามุ่งเป็นการพัฒนาสู่การค้าแบบสากลทำให้ผลิตภัณฑ์ของคนส่วนใหญ่ไม่สามารถแข่งขันได้ ต้องออกไปขายสินค้าตามที่ต่างๆ รายได้อยู่กับผู้ประกอบการคนเดียว หรือบางกลุ่ม ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานราก ไม่ประสบผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควร กอปรกับรายได้จากการท่องเที่ยวที่เป็นกระแสหลักของประเทศ ส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในกลุ่มทุนเอกชน เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ห้างร้านใหญ่ๆ กรุ๊ปทัวร์ ไม่ลงไปถึงฐานราก จึงมีการเปลี่ยนผ่านยุคการผลักดันขายสินค้า OTOP นอกชุมชนสู่การขายสินค้าอยู่ในชุมชน ที่มาจากการท่องเที่ยว โดยใช้เสน่ห์ ภูมิปัญญา วิถีชีวิตวัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ แปลงรายได้ มีการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งรายได้จะกระจายอยู่กับคนในชุมชน ทุกคนมีความสุข เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน

จังหวัดสมุทรปราการ เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิประเทศติดแม่น้ำและทะเล อาหารการกินหลากหลายและรสชาติอร่อย รวมถึงผลิตภัณฑ์ OTOP ที่หลากหลายและมีความโดดเด่น เป็นที่รู้จักและต้องการของคนจำนวนมาก การคมนาคมสะดวก ดังนั้น การดำเนินงานโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จังหวัดสมุทรปราการจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะสามารถช่วยให้คนในชุมชนมีงาน มีรายได้อย่างทั่วถึง ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาสามารถสร้างมูลค่าและรายได้ ที่สำคัญคนในชุมชนไม่ต้องออกไปทำงานนอกชุมชน ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าอบอุ่น มีความสุข ชุมชนเข้มแข็ง และเศรษฐกิจชุมชนดีขึ้น โดยมีการนำร่องใน 3 หมู่บ้าน และจะขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในจังหวัดสมุทรปราการต่อไป

HTML::image( HTML::image( HTML::image(