เริ่มต้นการเดินทาง สมาชิกคาราวานได้มารวมตัว ณ บริษัท ตังปักอำนาจเจริญ จำกัด (สาขามุกดาหาร) โดยมี คุณปานทอง สระคูพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร คุณสุริยัน โสรินทร์ รองผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม มร.อาร์ ซากาโนะ ผู้จัดการอาวุโส ในฝ่ายขายดีลเลอร์บี บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด พร้อมด้วยอาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการจัดคาราวาน ร่วมให้การต้อนรับและตีธงปล่อยขบวนรถอีซูซุ คาราวานสัญจรทั้ง 29 คันา เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 ซึ่งเชื่อมระหว่างจังหวัดมุกดาหารของประเทศไทยกับแขวงสะหวันนะเขตของ สปป.ลาว วิ่งไปบนถนนหมายเลข 9 ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวตะวันออกและตะวันตก (East-West Economic Corridor) เป็นถนนสายเศรษฐกิจในภูมิภาคอินโดจีนระหว่างประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศเวียดนาม (เมืองดานัง) ก่อนข้ามด่านแดนสวรรค์-ลาวบาวเพื่อเข้าสู่ที่พักคืนแรกในเมืองเว้ ประเทศเวียดนาม ในช่วงบ่าย พอมีเวลาได้เดินชมเมืองเว้ก่อนร่วมงานเลี้ยงแสนอบอุ่นในสไตล์อีซูซุในมื้อค่ำ
เช้าวันที่สอง สมาชิกคาราวานอีซูซุได้ท่องเที่ยวใน "เมืองเว้" เมืองมรดกโลกที่ยังมีร่องรอยของประวัติศาสตร์ และความเก่าแก่แบบคลาสสิก โดยไม่พลาด "พระราชวังต้องห้าม" (Imperial Enclosure) ซึ่งได้ตกทอดความยิ่งใหญ่และสวยงามของราชวงศ์เหวียน พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตามแบบแผนความเชื่อของจีน ซึ่งในสมัยก่อนพื้นที่นี้ถูกสงวนไว้เฉพาะจักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์ ด้วยเป็นสถานที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์เหวียนแห่งเว้ทั้ง 13 พระองค์ ระหว่างปี พ.ศ. 2345-2488 โดย "จักรพรรดิยาลอง" เป็นปฐมกษัตริย์แห่งเมืองเว้ เป็นผู้สถาปนานครแห่งนี้ขึ้น ส่วนกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ "พระเจ้าบ๋าวได๋" ซึ่งทรงสละราชบัลลังก์ ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นเวียดนามในปัจจุบัน ต่อด้วย "วัดเทียนหมุ" (Thien Mu) ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม เป็นหนึ่งในความคลาสสิก ทั้งจากศิลปะอันวิจิตรตรงประตูทางเข้า รวมถึงความสูงหลายสิบเมตรของเจดีย์ทรง 8 เหลี่ยม 7 ชั้น สูง 21 เมตร นับเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาทางพุทธศาสนานิกายเซน ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1601 หรือ 417 ปีมาแล้ว ปิดท้ายเมืองเว้ที่ "สุสานจักรพรรดิไคดิงห์" (Tomb of Khai Dinh) ที่ได้ชื่อว่ามีความยิ่งใหญ่สวยงามเหนือบรรดาสุสานจักรพรรดิทั้งหมด และเป็นเพียงสุสานเดียวที่มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออก-ตะวันตกได้อย่างลงตัว ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มีบันไดทางขึ้นถึง 127 ขั้น เป็นบันไดมังกรพาขึ้นไปสู่ลานชั้นหนึ่ง ส่วนลานชั้นสองเรียงรายด้วยรูปปั้นหินของช้าง ม้า ข้าราชการทหารและพลเรือน กลางลานมีแผ่นจารึกเขียนด้วยอักษรจีน ด้านบนสุดเป็นที่ตั้งของสุสาน มีรูปปั้นสำริดเท่าองค์จริงของพระเจ้าไคดิ่งเป็นศูนย์กลาง ภายในสุสานชั้นในมีการตกแต่งผนังด้วยกระเบื้องเคลือบสีซึ่งรับอิทธิพลมาจากจีน หลายจุดทำเป็นรูปมังกร หนึ่งในชิ้นงานโดดเด่น คือ งานเขียนสีรูปมังกรในม่านเมฆขนาดใหญ่บนเพดานห้องโถงที่ศิลปินใช้เท้าในการเขียนภาพ
หลังจากจบมื้อกลางวัน สมาชิกคาราวานอีซูซุได้เดินทางต่อจากเมืองเว้ไปยังเมืองดานัง เพื่อไปยังจุดหมายสำคัญของการเดินทางครั้งนี้ นั่นคือ "บาน่า ฮิลล์" (Bana Hills) อดีตเมืองตากอากาศที่โดนทิ้งร้างหลังจากชาวฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามกลับประเทศไปในช่วงปี ค.ศ.1945 ที่ได้รับการบูรณะใหม่ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยสดงดงาม และมีชีวิตชีวาอีกครั้งในปี ค.ศ. 2009 การไปเยือนต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกโดยกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดส์ว่า เป็นกระเช้าที่มีระยะทางยาวและสูงที่สุดในโลก คือ ยาวมากถึง 5,801 เมตร และสูงถึง 1,368 เมตร ซึ่งทุกคนได้ชื่นชมกับสุดยอดวิวทิวทัศน์ของเมืองดานังในแบบพาโนรามาระหว่างทางนั่งกระเช้า เมื่อใกล้จุดหมายปลายทางจะมองเห็นยอดปราสาทอยู่ลิบ ๆ เหมือนเมืองในเทพนิยาย โดยโรงแรมที่พัก Mercure Danang French Village Bana Hills ก็เป็นหนึ่งในหมู่ตึกสวยของหมู่บ้านฝรั่งเศส ล้อมรอบด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และที่ทุกคนไม่ยอมพลาดคือ "Golden Bridge" สะพานสีทองบนมือยักษ์ตั้งอยู่ริมหน้าผาสวยอลังการ แลนด์มาร์กใหม่ของเมืองดานังที่เพิ่งเปิดให้ชมเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และได้กลายเป็นที่สนใจบนโลกออนไลน์อย่างมาก นอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวกระจายโดยรอบ อาทิ พระพุทธรูปใหญ่สีขาวบนยอดเขา สวนสนุก Fantasy Park ที่มีเกมและเครื่องเล่นสำหรับทุกวัยให้เลือกสนุกกัน และสวนดอกไม้ เป็นต้น
สาย ๆ ของวันถัดมาถึงเวลาของการอำลาหมู่บ้านแสนสวยบนบาน่า ฮิลล์ สมาชิกคาราวานอีซูซุ ได้เยี่ยมชมและสักการะ วัดเจ้าแม่กวนอิมลิ่งอึ้ง (Chua Linh Ung) โดยมีเจ้าแม่กวนอิมองค์สีขาวในท่ายืนถือแจกันโปรยน้ำทิพย์ประทานพร ประดิษฐานด้านหน้าวัดที่หันออกสู่ทะเล มีความสูง 67 เมตรหรือเท่าอาคาร 30 ชั้น ถือได้ว่าเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ขึ้นชื่อมากในการขอพรเรื่องสุขภาพ การทำมาค้าขาย ความปลอดภัย และเรื่องการมีบุตร ถือเป็นการจบทริปการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านที่สามารถขับรถไปเที่ยวได้แบบสบาย ๆ อย่างสวยงาม
คุณธนภูมิ เชื้อวณิชย์ เจ้าของธุรกิจโรงน้ำแข็งวารีเทพ รถหมายเลข 01 ซึ่งปัจจุบันมีรถอีซูซุที่ใช้ในธุรกิจกว่า 400 คัน เผยความประทับใจว่า "ครอบครัวเรามากัน 6 คน นั่งรถอีซูซุมิว-เอ็กซ์มาคันเดียว และเป็นครั้งแรกที่มาคาราวานแบบนี้ ตื่นตาตื่นใจมากครับ เป็นการท่องเที่ยวที่คุ้มค่ามาก และคิดว่าครั้งต่อไปก็อยากจะมาร่วม เพราะได้ประสบการณ์เยอะเลย ได้เจอเพื่อนที่เป็นประชาคมอีซูซุหลากหลายอาชีพ และการขับรถทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นได้มากกว่าการนั่งเครื่องบินหรือรถโดยสารไปเที่ยว ผมว่าเป็นเสน่ห์ของคาราวานครับ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของครอบครัวมากครับ"
ด้านคุณนาฎญา สุขจันทร์ตระกูล รถหมายเลข 26 เผยว่า "สำหรับดิฉันเป็นการเดินทางครั้งแรกกับอีซูซุ แถมยังเป็นทริปต่างประเทศด้วย ทำให้ได้ประสบการณ์มากมายระหว่างการเดินทางตั้งแต่มุกดาหาร ลาว และเวียดนาม ประทับใจกับทีมงานอีซูซุทั้งการดูแลและการจัดสรรที่พัก เพื่อนร่วมทริปก็ดี เดินทางไกล ๆ แบบนี้ด้วยอีซูซุมิว-เอ็กซ์ก็สะดวกสบายมาก ซื้อแล้วไม่มีคำว่าผิดหวังเลยค่ะ"
ติดตามกิจกรรม "อีซูซุคาราวานสัญจร 2018" ความสุข สนุกสุด...ฉุดไม่อยู่ ได้ทางเว็บไซต์ www.isuzu-tis.com
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit