นายวีระ กล่าวว่า เนื่องจากในปี 2561 กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยกรมการศาสนา (ศน.) ได้พิจารณาคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประจำปี ๒๕๖๑ ที่สมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ ประกาศเกียรติคุณให้ทราบโดยแพร่หลาย และเป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นได้ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ จำนวน ๑๖๐ รูป/คน แบ่งเป็นพระสงฆ์ ๙๒ รูป ฆราวาส ๕๓ คน และหน่วยงาน ๑๕ แห่ง ซึ่งได้เข้ารับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ มณฑลพิธี ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว พระมหางอน ดำลงบุน ประมุขสงฆ์ และอธิบดีกรมศาสนา ศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาติฯ ไม่สามารถเดินทางมารับรางวัลพระราชทานดังกล่าวได้ ดังนั้น ตน ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย จึงเชิญรางวัลพระราชทาน เสาเสมาธรรมจักรผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา มาถวายแก่พระมหางอน ดำลงบุน ประธานสงฆ์ สปป.ลาว และมอบแก่อธิบดีกรมศาสนา ศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาติฯ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่กรมการศาสนา ได้ถวายและมอบรางวัลแด่ประมุขสงฆ์ พระสงฆ์ หน่วยงาน และพุทธศาสนิกชนในประเทศอาเซียนและต่างประเทศที่ได้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาปรากฏเด่นชัด โดยสนับสนุนกิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาร่วมกับประเทศไทยตลอดมา เช่น การจัดงานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอาเซียนสานสัมพันธไมตรีและกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ภาวนาทั่วโลกเพื่อสันติภาพ ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ และเพื่อส่งเสริมประมุขสงฆ์ หน่วยงาน และผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานภาครัฐในประเทศอาเซียนที่มีผลงานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นที่ประจักษ์และเป็นที่ยอมรับของสาธารณชน ให้ได้รับการยกย่องเชิดชูเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายในการส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและศาสนากับประเทศอาเซียน ที่สำคัญ ที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือกับ สปป.ลาว ได้ร่วมทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมเผยแผ่พระพุทธศาสนาและส่งเสริมความสัมพันธ์ในมิติศาสนาและศิลปวัฒนธรรมเป็นอย่างดี ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การจัดงานสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งในครั้งนี้จะมีการหารือถึงแนวทางความร่วมมือและเชิญชวนคณะสงฆ์ สปป.ลาว ร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในปลายปี 2561 ต่อเนื่อง รวมถึงในปีนี้ กรมการศาสนาของไทย จะนิมนต์ประมุขสงฆ์และเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศาสนาในประเทศอาเซียนและประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา ร่วมพิธีสวดมนต์ข้ามปีที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมเผยแผ่พระพุทธศาสนาของไทยและ สปป.ลาว ถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ด้านความร่วมมือทางด้านศาสนาและศิลปวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศได้เป็นอย่างดี.