หนึ่งในตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากงานวิจัยของ CDIP ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ 4 Mix Oil ที่เกิดจากการนำ น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะพร้าว น้ำมันกระเทียม และน้ำมันงาขี้ม้อน มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสรรพคุณ ช่วยบำรุงไขข้อต่าง ๆ ช่วยบรรเทาอาการไขข้ออักเสบ และช่วยลดไขมันในหลอดเลือด เป็นต้น ซึ่งกว่าจะได้ผลิตภัณฑ์นี้มา ต้องนำน้ำมันจากพืช 4 ชนิด มาวิจัยเพื่อหาสรรพคุณ และพัฒนาให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถจำหน่ายให้กับผู้บริโภคได้
นอกเหนือไปจากการเพิ่มนวัตกรรมให้กับผลิตภัณฑ์จนกลายเป็นสินค้าที่มีความแตกต่างจากคู่แข่งเท่านั้น การจะนำสินค้าให้สามารถขายในท้องตลาดได้ ช่องทางการจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ เป็นสิ่งที่ CDIP ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน บริษัทได้นำผลิตภัณฑ์ 4 Mix Oil วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ และจำหน่ายผ่านช่องทางทีวี
ทั้งนี้ ยังมีสินค้าแปรรูปจากข้าวที่เกิดจากการนำงานวิจัยของ CDIP ไปต่อยอดอีกมากมาย อาทิ การแปรรูปน้ำมันรำข้าวสังข์หยด ยี่ห้อ S5 และ S5 in 1 หรือการนำข้าวมาผสมกับถั่งเช่า ยี่ห้อ Zen Cordyceps ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ถูกวางจำหน่ายในช่องทางร้านสะดวกซื้อ และจำหน่ายผ่านช่องทางทีวีเช่นกัน
สิ่งที่ CDIP ดำเนินการมาตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา คือการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะข้าวไทยที่มีหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวสังข์หยด ข้าวหอมปทุม ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และสายพันธุ์อื่น ๆ อีกมากมาย เรานำข้าวเหล่านี้มาวิจัยเพื่อหาสรรพคุณต่าง ๆ พร้อมกับการเพิ่มสารอาหารที่สำคัญ ได้แก่ วิตามิน เบต้ากลูแคน (Beta-glucan) เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) ไปจนถึงการนำมาผสมกับสารสกัดจากพืช เช่น ถั่งเช่า น้ำมันมะพร้าว น้ำมันกระเทียม น้ำมันงา เป็นต้น
กระบวนการวิจัยและพัฒนาของ CDIP คือการนำข้าวมาจับคู่กับสารสกัดข้างต้น เพื่อค้นหาสรรพคุณใหม่ ๆ พร้อมกับนำมาทดลอง ตั้งแต่การทดลองในระดับเซลล์ (Cell) จนถึงการทดลองในสิ่งมีชีวิต ว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาตามที่ตั้งสมมติฐานด้านสรรพคุณนั้น ๆ ได้หรือไม่
ทั้งนี้ CDIP ได้ให้ความสำคัญในการดำเนินการวิจัยและพัฒนา ภายใต้หลักการ 3 ประการ ดังนี้
(1) ผลิตภัณฑ์จะต้องมี ความปลอดภัย (Safety) ต่อผู้บริโภค
(2) ผลิตภัณฑ์จะต้องมี ประสิทธิภาพและประสิทธิผล (Efficiency) ในสรรพคุณที่ได้
(3) ผลิตภัณฑ์จะต้องมี ความคงตัว (Stability) คือ ผลิตภัณฑ์มีอายุยาวนาน ไม่เสื่อมสภาพก่อนถึงมือผู้บริโภค
ดร.สิทธิชัย กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่า "CDIP ต้องยึดหลัก 3 ข้อนี้ เป็นหัวใจสำคัญในการวิจัยและพัฒนา เพราะการเพิ่มนวัตกรรมให้กับผลิตภัณฑ์ หากขาดหลักการข้อใดข้อหนึ่งไป ผลิตภัณฑ์หรือสินค้านั้น ๆ จะไม่ผ่านการวิจัย และไม่สามารถนำสู่ท้องตลาดเพื่อจำหน่ายให้กับผู้บริโภคได้ ดังนั้น งานวิจัยของเราทุกชิ้นจึงต้องผ่านการพิถีพิถันในแต่ละขั้นตอนเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทั้ง 3 ข้อ อีกทั้งการขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา หรือ อย. เราจึงจะมั่นใจและส่งต่องานวิจัยสู่การผลิตต่อไป" จากการวิจัยและพัฒนาเรื่องข้าวมาอย่างยาวนาน จึงทำให้ทุกวันนี้ CDIP มีองค์ความรู้เรื่องข้าวที่พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่การเปิดศูนย์การเรียนรู้ สถาบัน IOI เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เข้าถึงงานวิจัยของ CDIP รวมทั้งการเรียนรู้ในเรื่องการต่อยอดข้าวให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม สามารถผลิตและแข่งขันในตลาดได้
ในส่วนของการผลิต CDIP มีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ได้แก่ บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ JSP ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและยาชั้นนำของไทย บริษัท เอไนน์ ไบโอ จำกัด หรือ A9 เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบแคปซูล และบริษัท ซูติเคิล ไบโอไซด์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ZBS เป็นต้น พันธมิตรของ CDIP ที่กล่าวมานี้ พร้อมช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการสามารถผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรมเป็นของตัวเองได้ในทันที
"ในอนาคต JSP กำลังก้าวสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตแคปซูลนิ่ม (Soft Gel) ซึ่งวัตถุที่สำคัญที่ CDIP ได้ค้นพบ คือการนำ ข้าว มาผลิตเป็นแคปซูลนิ่ม นั่นเอง" ดร.สิทธิชัยกล่าวเสริม
ต้องการสอบถามข้อมูล ติดต่อบริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เบอร์ 0-2564-7000 ต่อ 5204, 0-2564-7200 ต่อ 5205
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit