เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นตลาดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคอาเซียน และคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ยั่งยืนในช่วงปี พ.ศ. 2561-2562 จากการขับเคลื่อนนโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0" ของภาครัฐบาล รวมถึงการพัฒนาสิบอุตสาหกรรม S-Curve นอกจากนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อนที่มีแสงแดดตลอดปี จึงมีการส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนต้นทุนต่ำและเป็นพลังงานสะอาด ดังนั้น อุตสาหกรรมพลังงานสีเขียวจึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0"
อุตสาหกรรมพลังงานสีเขียวของไต้หวันเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่รัฐบาลไต้หวันให้การสนับสนุน ในแผน "5+2 Industrial Innovation Plan" โดยแผนนี้เป็นการพัฒนาและการส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียวในไต้หวันที่มีรากฐานแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ของไต้หวันยังมีคุณภาพสูงและมีราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เมื่อประเทศไทยบูรณาการบริการประสิทธิภาพสูงจากไต้หวัน ย่อมสามารถสร้างเมืองอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นได้
มร.เฟลิกซ์ เอช. แอล. ชิว ผู้อำนวยการบริหาร สำนักงานโครงการการค้าสีเขียว (GTPO) กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน อธิบายว่า "บริษัทที่ดำเนินธุรกิจประเภทต่าง ๆ ในไต้หวัน นับตั้งแต่อุตสาหกรรมการผลิตไปจนถึงอุตสาหกรรมไฮเทค ต่างมีการลงทุนด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงาน และการวิจัยเพื่อสิ่งแวดล้อมด้านอื่น ๆ อย่างมาก สำหรับด้านวัสดุสีเขียวและการรีไซเคิลนั้น ไต้หวันมีการรีไซเคิลสิ่งทอจาก โพลีเอสเตอร์มากเป็นอันดับ 1 ของโลก และถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการรีไซเคิลวัสดุสูงสุดของโลกที่ 55.2%* โดยในปี 2017 ไต้หวันยังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกในด้านเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์** และหลอดแอลอีดี*** ในขณะเดียวกัน ไต้หวันยังมีการผลิตจักรยานเป็นสินค้าส่งออกที่มีปริมาณสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ**** โดยไต้หวันมีบริษัทผู้ผลิตวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า 8,000 ราย ด้วยมูลค่าการส่งออกแต่ละปีราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยรัฐบาลไต้หวันยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโซลูชั่นที่ยั่งยืน และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้แก่บริษัทผู้ผลิตนวัตกรรมระดับโลกในไต้หวัน วิสัยทัศน์ของเราคือการส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียวให้เป็นตัวขับเคลื่อนหลักเพื่อสร้างการเติบโตด้านการส่งออก และเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นที่ยอมรับในฐานะโซลูชั่นบุกเบิกชั้นนำของโลก เพื่อนำไปสู่การสร้างโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตของผู้คนที่มีความสุขมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ ประเทศ"
ซุ้มผลิตภัณฑ์สีเขียวของไต้หวันจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์จากบริษัทชั้นนำของไต้หวัน 12 บริษัทซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของประเทศไทย และเพื่อเพิ่มโอกาสการขยายธุรกิจสีเขียวตามนโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0" ซึ่งครอบคลุมความต้องการหลักทั้ง 3 ข้อ ได้แก่
โซลูชั่นเมืองอัจฉริยะและอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เพื่อตอบโจทย์นโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0" โดยการจัดแสดงสินค้าหลอดไฟแอลอีดีและโคมไฟสำหรับใช้ในถนน โคมไฟสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม และการรวบรวมสถานีชาร์จไฟกับการบูรณาการ, เซ็นเซอร์ตรวจสอบสภาพอากาศของ TAIWAN A TEAM, หลังคาและแผงโซล่าเซลล์แสงอาทิตย์ประเภทพื้นผิวคริสตัลของบริษัท TSEC, โมดูลพลังงานแสงอาทิตย์แบบ CIGS ของบริษัท ETERBRIGHT, และระบบควบคุมแสงอัจฉริยะของบริษัท LINKCOM
วัสดุก่อสร้างสีเขียวสำหรับเมืองสีเขียว นำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำยาเคลือบสูตรน้ำซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของบริษัท ABERDEEN, ไม้อัดคุณภาพสูงจากบริษัท Evergreen Timber, และสีสะท้อนพลังงานแสงอาทิตย์ N.POLE ของ Global international Energy Saving
เทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยการนำเสนอกระจกอัจฉริยะที่เปลี่ยนจากกระจกใสเป็นกระจกฝ้าและทึบแสงได้ซึ่งควบคุมโดยระบบไฟฟ้าของบริษัท SD OPTRONICS, กระจกประเภทฉนวนกันความร้อนแบบประหยัดพลังงานของบริษัท GENMOOR TECHNOLOGY, การบูรณาการบริการวิศวกรรมแบบประหยัดพลังงานของบริษัท CHENG LONG ENERGY, และการวางแผนเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงเผาขยะและโรงบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ การบริการด้านวิศวกรรมก่อสร้างแบบเหมารวมทั้งหมดและอื่น ๆ ของบริษัท ECOVE
โครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์สีเขียวประจำปีนี้ยังคงดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการเจาะตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน อินเดีย และอื่น ๆ โดยประเทศไทยนับเป็นการจัด "Taiwan Expo 2018" ครั้งที่ 4 ซึ่งงานแสดงสินค้าดังกล่าวจะจัดขึ้นที่มาเลเซียช่วงเดือนตุลาคมเป็นจุดหมายสุดท้ายของปีนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อเข้าร่วม "Green Customer Exploration" กับทางสำนักงานโครงการการค้าสีเขียวเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจเพื่อโลกที่ดีขึ้นร่วมกัน
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.greentrade.org.tw หรือติดต่อผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ +662-651-4470, +8862-2725-5200(ไต้หวัน) และอีเมล [email protected]
หมายเหตุ
** แหล่งข้อมูล: IEK 2018
*** แหล่งข้อมูล: PIDA 2018
**** แหล่งข้อมูล: IDB 2017
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit