“Cafe Leitz by Pacamara” ไลฟ์สไตล์คาเฟ่สำหรับคนรักไลก้า แห่งที่ 2 ของโลก ผสานรสละมุนของกาแฟกับมนต์เสน่ห์ภาพถ่ายในสไตล์ไลก้า

31 Aug 2018
ไม่มาไม่ได้แล้วสำหรับคาเฟ่น้องใหม่ "Cafe Leitz by Pacamara" (คาเฟ่ ไลท์ซ บาย พาคามาร่า) ที่เจ้าพ่อแฟชั่น อย่าง เอ-ดนัย สรไกรกิติกูล แห่ง บริษัท เอลิส ไพรเวต จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย "ไลก้า" แบรนด์กล้องลักชัวรี่ระดับโลก ตั้งใจให้ คาเฟ่ ไลท์ซ บาย พาคามาร่า เป็นไลฟ์สไตล์คาเฟ่สำหรับคนรักไลก้าและคนที่ชอบถ่ายภาพ แห่งที่ 2 ของโลก ที่ผสมผสานความรื่นรมย์ของชีวิตคนรุ่นใหม่ใจกลางเมือง อย่างการถ่ายภาพ อาหาร กาแฟ และมิตรภาพ รวมไว้ในที่เดียว เพื่อดื่มด่ำและแลกเปลี่ยนมุมมองในบรรยากาศโคซี่และรีแล็กซ์ ทั้งยังเป็นคอมมูนิตี้ของกลุ่มคนรักไลก้าและการถ่ายภาพได้มาแชร์ความรู้ เทคนิค ประสบการณ์การถ่ายภาพ และฟังก์ชั่นสุดล้ำจากไลก้าที่ยังไม่เคยรู้มาก่อนจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อสร้างสรรค์ภาพพิเศษได้ดั่งใจคุณ ภายใต้แนวคิด "Well to Do Well to Live" บนพื้นที่ 214 ตารางเมตร ถูกออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานเพื่อตอบสนองทุก ไลฟ์สไตล์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับคนรักไลก้าโดยเฉพาะ ส่วนร้านอาหาร คาเฟ่บาร์ ที่จัดที่นั่งไว้ สถานที่นั่งชิลทั้งโซนภายในร้านในตำแหน่งริมกระจกเพื่อสัมผัสบรรยากาศภายนอก ให้ความรู้สึกโล่งโปร่งสบาย และเอ้าท์ดอร์ริมระเบียงรับลมธรรมชาติ ณ ชั้น M ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์
“Cafe Leitz by Pacamara” ไลฟ์สไตล์คาเฟ่สำหรับคนรักไลก้า แห่งที่ 2 ของโลก ผสานรสละมุนของกาแฟกับมนต์เสน่ห์ภาพถ่ายในสไตล์ไลก้า

เมื่อเดินเข้ามาภายในร้านสะดุดตากับภาพถ่ายที่ติดประดับไว้ เสมือนกับได้มาเยือนแกลลอรี่ภาพถ่ายที่สะท้อนความรู้สึกและความทรงจำของช่างภาพไว้อย่างลุ่มลึก นอกจากนี้ทางร้านยังได้สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการให้เราได้สัมผัสประสบการณ์ถ่ายภาพด้วยกล้องไลก้า สำหรับเมนูอาหารและเครื่องดื่มของร้านก็สร้างความตื่นเต้นให้อีกเช่นกัน เนื่องจากทางร้านสร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ ในสไตล์ที่ผสมผสานความเป็นไทยกับอินเตอร์เนชั่นแนล ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว กลายเป็นเมนูใหม่ที่น่าลิ้มลองทุกเมนู อาทิ Soft-Shell Crab Avocado (ปูนิ่มทอดกรอบกับสลัดอโวคาโด) ราคา 390 บาท ปูนิ่มทอดกรอบ รับประทานคู่กับอโวคาโดปรุงรสหอมมันและไข่ดาวน้ำ ซอสที่ให้รสชาติเผ็ด หวาน มัน อย่างศรีราชาครีมฮอลลันเดสบาลานซ์เข้ากัน แต่โดดเด่นไม่มีใครเหมือนด้วยตัวซอสสูตรเฉพาะของเชฟที่ปรุงรสเพื่อตัดความกรอบมันของปูนิ่ม จากเมนูกลิ่นอายไทยผสมผสานให้มีรสชาติกลมกล่อม แต่ Up Beat ในเวลาเดียวกัน เหมาะสำหรับเป็นเมนูของว่างสุดโปรด หรือแชร์ให้เพื่อนที่รู้ใจ

Soft-Shell Crab Avocado E-San Pasta

สำหรับใครที่ชอบรสจัดจ้านต้องลองเมนู E-San Pasta (อีสานพาสต้า) ราคาสำหรับเลือกเป็นไส้กรอกโฮมเมด 350 บาท / กุ้งแม่น้ำ 430 บาท ไส้กรอกโฮมเมด ผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย - อีสานให้เข้ากับเสน่ห์ของอาหารอิตาเลียนได้อย่างลงตัว กลิ่นหอมของเครื่องเทศสูตรเฉพาะที่หมักพร้อมกับปลาร้า ยกระดับความเป็นไทยสู่นานาชาติ รสเผ็ด หวาน มัน เค็ม และนัวตามแบบฉบับอาหารไทย กุ้งแม่น้ำสดที่ย่างสุกอย่างพิถีพิถัน ให้ความหวานธรรมชาติเมื่อรับประทานคู่กับแหนม เส้นพาสต้าปรุงตามแบบฉบับอิตาลีที่เรียกว่า Al Dente หมายถึง ไม่เละ ไม่สุก เคี้ยวแล้วยังรู้สึกกรุบๆ อยู่ เป็นจานที่บาลานซ์ทั้งในด้านของรสชาติและการตกแต่ง เมนูนี้สามารถเลือกได้ระหว่างไส้กรอกโฮมเมด ในราคา 350 บาท หรือ กุ้งแม่น้ำในราคา 430 บาท

ถัดมาเป็นเมนู Crab Curry Pasta (พาสต้าแกงปู) ราคา 370 บาท ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากขนมจีนแกงปูของภาคใต้เกิดเป็นพาสต้าแกงปูขึ้นมา โดยใช้เครื่องแกงใต้แท้ๆ จากส่วนผสมหลัก ขมิ้น กระชาย และใบชะพลู สูตรเฉพาะของเชฟ ปรุงรสให้เผ็ดกำลังดี มีความหอมมันของเครื่องแกง และกะทิ สร้างสรรค์ให้จานนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบไม่เหมือนใคร กลิ่นหอมของเครื่องเทศนานาชนิดคลุกเคล้ากับเส้นพาสต้า รับประทานคู่กับเนื้อปูแน่นๆ รสชาติหวานจากทะเลไทย โดดเด่นด้วยเครื่องเคียงสำคัญอย่างหัวหอมดองสูตรเฉพาะของร้านพาคามาร่าที่มีรสอมเปรี้ยว ช่วยยกให้จานนี้รสชาติเข้มข้น ดูสดชื่นขึ้นได้อย่างลงตัว ฟากสาวกเนื้อเลิฟเวอร์ ต้องชอบเมนู Beef Gravy & Grilled Corn - Rice Bowl Collection (ข้าวหน้าเนื้อกับข้าวโพดย่าง) ราคา 280 บาท ความนุ่มจากเนื้อวากิวจากออสเตรเลีย ย่างบนกระทะ สุกกำลังดี เสิร์ฟพร้อมกับข้าวหอมมะลิร้อนๆ พร้อมด้วยเบบี้แครอท ถั่วหวาน และข้าวโพด ผัดกับเนยบางๆ เพิ่มความหวาน มัน ราดด้วยซอส Red Wine Reduction ซึ่งเป็นการเคี่ยวไวน์แดงและเบสเกรวี่ซอสนาน 48 ชั่วโมง พร้อมเครื่องปรุงสูตรลับของพาคามาร่า จนได้ซอสไวน์แดง อโรม่า หอมเครื่องเทศจางๆ แต่รสชาติหนักแน่น

Crab Curry Pasta Tarte Au Citron

ส่วนของหวานอยากให้ลิ้มลอง Tarte Au Citron (ทาร์ตมะนาว) 285 บาท เลม่อนทาร์ต ความธรรมดาที่แตกต่าง ตัวทาร์ตทำจากสูตรดั้งเดิมของฝรั่งเศส ส่วนครีมเลม่อน หรือ เลม่อน เคิร์ด (Lemon Curd) ถูกเคี่ยวกับเนยชนิดพิเศษ ให้รสหวาน มัน โดดเด่นด้วยรสเลม่อน สำหรับตัวเมอแรงค์เป็นซอฟต์อิตาเลี่ยน เมอแรงค์ เนื้อนุ่ม มัน มีความหวานอ่อนๆ ไม่เลี่ยนจนเกินไป ตกแต่งเละเพิ่มความกลมกล่อมด้วย สะเก็ดช็อกโกแลต (Chocolate Dirt Crumbs) เนื้อกรุบกรอบ และ เมอแรงค์อบ (Baked Meringue)

เต็มอิ่มกับเมนูของคาวและของหวานกันไปแล้ว คราวนี้มาถึงเมนูเครื่องดื่มที่ห้ามพลาดกันบ้าง เริ่มต้นด้วยเมนู Drip : Ethiopia - Gesha Village Natural GG 2018 Lot #43 (กาแฟดริป: เอธิโอเปีย – เกชา วิลเลจ เนเชอรัล จีจี 2018 ล็อตที่ 43) ซึ่งเมนูนี้คอกาแฟห้ามพลาด เพราะเมล็ดกาแฟนั้นเป็นกาแฟสายพันธุ์กอรี เกชา (Gori Geisha) ล็อตที่ 43 จากฟาร์มเกชาวิลเลจ (Farm Gesha Village) ประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งเป็นแหล่งกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดของโลก นำมาผ่านการชงด้วยวิธีดริป ให้เทสต์โน้ตความหวานคล้ายพีช และผลไม้หลายชนิด มีความซับซ้อนแต่นุ่มนวล รสชาติคล้าย มะม่วง สับปะรด และแอปเปิ้ล มีความพิเศษคือเป็นกาแฟที่ Romania National Brewer Champion 2018 ส่งเข้าแข่งขันและได้แชมป์ในปีนี้ อีกเครื่องดื่มเย็นซิกเนเจอร์ของร้าน คือ Snow Cold Brew (สโนว์ โคลด์ บริว) ราคา 140 บาท รสชาติหวานมันด้วยบาริสต้า มิลค์ (Barista Milk) ที่ทำให้เป็นเกล็ดน้ำแข็ง เย็นชื่นใจ เพิ่มเทคเจอร์ด้วยกาแฟเยลลี่ ราดท็อปด้วยกาแฟคลาสสิก โคลด์ บริว (Classic Cold Brew) เพิ่มเลเยอร์ความรู้สึกในปาก กลมกล่อมด้วยรสชาติของกาแฟ หวานมันจากนม และได้รสชาติแฝงคล้ายคาราเมลในตอนท้าย

Drip : Ethiopia Snow Cold Brew Citrus Iceberg

Gesha Village Natural GG 2018 Lot #43

สำหรับใครที่ไม่ใช่คอกาแฟ ทางร้านได้ครีเอทเครื่องดื่มสีสันสดใส อย่าง Radiance Booster (เรเดียนซ์ บูสเตอร์) ราคา 160 บาท ด้วยแรงบันดาลใจจากทีมบาริสต้าของพาคามาร่า ที่ต้องการสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่สดชื่นและให้วิตามินซีจึงได้พัฒนาสูตรเครื่องดื่มที่ผสมผสานจุดเด่นของน้ำส้ม, น้ำส้มโอพันธุ์พลอยชมพู (Pink Grapefruit), น้ำสับปะรด และน้ำมะนาว ที่ไม่ใช่แค่เพียงได้รสชาติหวานอมเปรี้ยวตามแบบฉบับของผลไม้รสเปรี้ยวแบบไทยๆ แต่ยังได้ความหอมหวานจากส้มโอพันธุ์พลอยชมพู ที่ช่วยบาลานซ์โทนที่เปรี้ยวได้อย่างลงตัว

Blue Ocean (บลู โอเชียน) ราคา 180 บาท เป็นอีกเมนูที่โดนใจเมื่อได้ลอง เพราะเมนูนี้เกิดจากการเดินทางข้ามทะเลเพื่อตามหากาแฟสายพันธุ์ใหม่ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเครื่องดื่มสีฟ้าครามน้ำทะเลแก้วนี้ ที่ได้จากน้ำอัญชัน เพิ่มความกรุบมันด้วย นม และคุกกี้ เสิร์ฟกับไอศกรีมวานิลลาเคลือบช็อกโกแลต

ปิดท้ายด้วย เครื่องดื่มที่สร้างความสดชื่นได้เป็นอย่างดีกับ Citrus Iceberg (ซิตรัส ไอซ์เบิร์ก) ราคา 140 บาท ชาเอิร์ลเกรย์ อินฟิวส์ (Earl Grey Infused) จากแบรนด์คลิปเปอร์ ที (Clipper Tea) ประเทศสิงคโปร์ ชาเกรด พรีเมียม หอมละมุน และน้ำอัญชันในสไตล์ไทย เติมรสชาติด้วยสตรอเบอร์รี่ไซรัป พร้อมเพิ่มความสดชื่นด้วยน้ำมะนาว

ร้าน "Cafe Leitz by Pacamara" (คาเฟ่ ไลท์ซ บาย พาคามาร่า) ไลฟ์สไตล์คาเฟ่สำหรับคนรักไลก้า ตั้งอยู่บริเวณชั้น M อาคาร The Helix Quartier (เดอะ เฮลิกซ์ ควอเทียร์) ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. สนใจติดตามข่าวสารและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Leica Camera Thailand / Instagram: @LeicaCameraThailand และ @Pacamara_TH และ Cafe Leitz by Pacamara, โทร. 02-003-6068

https://www.youtube.com/watch?v=FuHqi23UKus&feature=youtu.be

HTML::image( HTML::image( HTML::image(