ปัจจัยกดดันต่างๆ จะต่อเนื่องมา 3Q61 หรือไม่ : สำหรับประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ คาดตลาดรับรู้ความเสี่ยงไปมากแล้วน่าจะไม่ใช่ปัจจัยกดดัน เช่นเดียวกับ Valuation ของSET ที่ปัจจุบันเทรดต่ำกว่าระดับ PE Ratio 15 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่เทียบเคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ดังนั้นถือว่า Valuation ไม่ได้อยู่ในระดับที่แพง โดยภาพรวมกำไรตลาดปีนี้คาดจะเติบโตราว 10% โดยมาจากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น พลังงาน, ธนาคาร, ค้าปลีก, สื่อสาร, ขนส่ง, อสังหาริมทรัพย์, ปิโตรเคมี ซึ่งทั้งหมดมีสัดส่วนสูงถึง 76% ของมูลค่าตลาดของ SET แต่อย่างไรก็ดีเรายังมีความกังวลบางส่วนต่อประเด็นความเสี่ยงสงครามการค้าโลก (Trade War) ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น และเป็นปัจจัยที่ยากจะคาดว่าจะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใด ซึ่งประเด็นนี้คือจุดสำคัญที่เปิดความเสี่ยงต่อการไหลออกของกระแสเงินทุนได้อย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุน : ความเสี่ยงของปัจจัยภายนอกยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันการลงทุน แต่อย่างไรก็ดีเราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆมีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น ดังนั้นธีมการลงทุนในช่วง 3Q61 เราเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดจะได้รับประโยชน์อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ นำโดย กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เก็งการเร่งตัวขึ้นของงานประมูลภาครัฐในครึ่งปีหลัง (STEC, CK), กลุ่มธนาคารพาณิชย์ รับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น + Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงเกินไปนัก (BBL), กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ขานรับ real demand ขยายตัว โดยเน้นกลุ่มอสังหาแนวราบ (SPALI, GOLD, LH) และกลุ่มค้าปลีก อิงการฟื้นตัวของภาคการบริโภคในประเทศ (BJC, CPALL) โดยหุ้นเด่นประจำไตรมาส 3Q61 เลือก STEC, BBL, SPALI, BJC เป็น Top picks
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit