กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส3 ปี2561 ตลาดหุ้นไทย น่าซื้อแล้วหรือยัง?

04 Jul 2018
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปีนี้ปรับตัวลงกว่า -7% ตั้งแต่ต้นปี โดยปัจจัยกดดันหลักจากทั้ง 1) ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เติบโตดีเกินคาด หนุนให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ส่งผลให้ FED มีมุมมองต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ (ปรับขึ้นครั้งละ 0.25% 4 ครั้งปีนี้ จากเดิมที่ 3 ครั้ง) 2) ความเสี่ยงต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ จีน และยุโรป (Trade war) ที่ล่าสุดทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และ 3) สภาพคล่องส่วนเกินที่หดตัวลง ส่งผลให้ตลาดยอมรับการเทรดที่ระดับความเสี่ยงที่น้อยลง ทำให้ PE Ratio ของตลาดหุ้นต่างๆ ปรับลดลงต่อเนื่อง ซึ่งหลากหลายปัจจัยดังกล่าวล้วนกดดันกระแสเงินทุนไหลออก โดยตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยไปแล้วกว่า 1.7 แสนล้านบาท กดดันให้แนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนค่ากลับมาสู่ระดับ 33 บาทต่อดอลล่าร์ จากจุดแข็งค่าสุดที่ 31 บาทต่อดอลล่าร์ในช่วงเดือน เมษายน
กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส3 ปี2561 ตลาดหุ้นไทย น่าซื้อแล้วหรือยัง?

ปัจจัยกดดันต่างๆ จะต่อเนื่องมา 3Q61 หรือไม่ : สำหรับประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ คาดตลาดรับรู้ความเสี่ยงไปมากแล้วน่าจะไม่ใช่ปัจจัยกดดัน เช่นเดียวกับ Valuation ของSET ที่ปัจจุบันเทรดต่ำกว่าระดับ PE Ratio 15 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่เทียบเคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ดังนั้นถือว่า Valuation ไม่ได้อยู่ในระดับที่แพง โดยภาพรวมกำไรตลาดปีนี้คาดจะเติบโตราว 10% โดยมาจากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น พลังงาน, ธนาคาร, ค้าปลีก, สื่อสาร, ขนส่ง, อสังหาริมทรัพย์, ปิโตรเคมี ซึ่งทั้งหมดมีสัดส่วนสูงถึง 76% ของมูลค่าตลาดของ SET แต่อย่างไรก็ดีเรายังมีความกังวลบางส่วนต่อประเด็นความเสี่ยงสงครามการค้าโลก (Trade War) ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น และเป็นปัจจัยที่ยากจะคาดว่าจะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใด ซึ่งประเด็นนี้คือจุดสำคัญที่เปิดความเสี่ยงต่อการไหลออกของกระแสเงินทุนได้อย่างต่อเนื่อง

กลยุทธ์การลงทุน : ความเสี่ยงของปัจจัยภายนอกยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันการลงทุน แต่อย่างไรก็ดีเราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆมีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น ดังนั้นธีมการลงทุนในช่วง 3Q61 เราเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดจะได้รับประโยชน์อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ นำโดย กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เก็งการเร่งตัวขึ้นของงานประมูลภาครัฐในครึ่งปีหลัง (STEC, CK), กลุ่มธนาคารพาณิชย์ รับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น + Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงเกินไปนัก (BBL), กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ขานรับ real demand ขยายตัว โดยเน้นกลุ่มอสังหาแนวราบ (SPALI, GOLD, LH) และกลุ่มค้าปลีก อิงการฟื้นตัวของภาคการบริโภคในประเทศ (BJC, CPALL) โดยหุ้นเด่นประจำไตรมาส 3Q61 เลือก STEC, BBL, SPALI, BJC เป็น Top picks

กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส3 ปี2561 ตลาดหุ้นไทย น่าซื้อแล้วหรือยัง? กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส3 ปี2561 ตลาดหุ้นไทย น่าซื้อแล้วหรือยัง?