ตัวขับเคลื่อนการเติบโตนั้นประกอบด้วยการบริโภคของภาคเอกชนในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่เพิ่มขึ้น 2.4 เท่า และรายได้ที่จับจ่ายได้ของชนชั้นกลางทั่วโลกนั้นสูงขึ้นและเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ประเทศกำลังพัฒนาจะมีสัดส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจคิดเป็นร้อยละ 60 ต่อการเดินทางต่อหัวเพิ่มจำนวนเป็น 2.5 เท่าสำหรับประเทศเหล่านี้ เมื่อรวมกับรูปแบบธุรกิจการบินที่กำลังพัฒนาและการเปิดเสรีอย่างต่อเนื่อง การขยายตัวของการขนส่งทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้ความยืดหยุ่นในการชะลอตัวของภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น
ความหลากหลายของเครื่องบินและความสามารถในการพัฒนาทางเทคโนโลยีช่วยให้สายการบินต่างๆ มีความยืดหยุ่นในการสำรวจโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการลดต้นทุน
"ด้วยศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของเครื่องบินในปัจจุบัน ขณะที่ช่วยลดขอบเขตความแตกต่างระหว่างตลาดต่างๆ ลง จึงทำให้มีแนวโน้มในการนำเครื่องบินไปใช้งานในวงกว้างมากขึ้น ความเป็นจริงเหล่านี้ทำให้เราพัฒนาการแบ่งกลุ่มเครื่องบินออกเป็นเครื่องบินขนาดเล็ก ขนาดปานกลาง ขนาดใหญ่ และขนาดใหญ่พิเศษ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการที่สายการบินใช้อากาศยานมากขึ้น" นายเอริค ชัลซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพาณิชย์ บริษัทแอร์บัส กล่าวและเสริมอีกว่า "เนื่องด้วยความอเนกประสงค์และครอบคลุมของเครื่องบินตระกูลเอ321นีโอ ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นที่ทันสมัยที่สุดของเครื่องบินทางเดินเดี่ยว สามารถบินได้อย่างมีประสิทธิภาพบนเส้นทางบินระยะไกล รวมถึงขนาดลำตัวเครื่องบินที่กว้างคล้ายกับรุ่น เอ330นีโอ รองรับการทำงานในระดับภูมิภาคอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้เรามีส่วนแบ่งในตลาดเครื่องบินขนาดกลางมากที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก"
แอร์บัสเป็นผู้นำในกลุ่มเครื่องบินขนาดเล็ก (S) อย่างรุ่น เอ320นีโอ และเครื่องบินขนาดใหญ่ (L) อย่างรุ่น เอ350-900 สำหรับกลุ่มเครื่องบินขนาดใหญ่พิเศษ(XL) เป็นตลาดของเครื่องบินสำหรับทดแทนนั้นเพิ่งเริ่มต้นและเป็นโอกาสที่ดีของเครื่องบินประสิทธิภาพอย่างรุ่น เอ350-1000 และ เอ380
เมื่อพิจารณาการแบ่งกลุ่มเครื่องบินออกเป็นสี่กลุ่มอย่างละเอียด โดยทั่วไปแล้วในกลุ่มเครื่องบินขนาดเล็กจะครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเครื่องบินทางเดินเดี่ยวที่มีการแข่งขันมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งทางแอร์บัสคาดการณ์ว่าในอนาคตความต้องการเครื่องบินใหม่จะมีจำนวน 28,550 ลำ ซึ่งคิดเป็นกว่าสามในสี่ของความต้องการทั้งหมดที่คาดไว้ สำหรับกลุ่มเครื่องบินขนาดกลางอย่างเครื่องบินลำตัวกว้างขนาดเล็กและเครื่องบินทางเดินเดี่ยวพิสัยไกล เพื่อใช้ในภารกิจที่ต้องการความยืดหยุ่นในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มเติมและพิสัยการบินที่ไกลขึ้น แอร์บัสคาดการณ์ว่าความต้องการเครื่องบินขนส่งผู้โดยสารและเครื่องบินบรรทุกสินค้าจำนวน5,480 ลำ สำหรับกลุ่มเครื่องบินขนาดใหญ่อย่างรุ่น เอ350 ที่ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ปฏิบัติการบินมากที่สุดซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องความยืดหยุ่นในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มเติมและพิสัยการบิน คาดว่าจะมีความต้องการถึง 1,760 ลำ ส่วนกลุ่มเครื่องบินขนาดใหญ่พิเศษอย่างรุ่น เอ350-1000 และ เอ380 โดยปกติแล้วจะสะท้อนถึงความสามารถในการรองรับผู้โดยสารและพิสัยการบินที่ไกล แอร์บัสคาดการณ์ว่าความต้องการที่มีต่อเครื่องบินกลุ่มนี้ในอีก 20ปีข้างหน้าจะมีจำนวน1,590 ลำ
จากความต้องการเครื่องบินลำใหม่จำนวนทั้งสิ้น 37,390 ลำ เครื่องบินจำนวน 26,540 ลำ นำไปใช้เพื่อรองรับการเติบโตของฝูงบิน และอีก 10,850 ลำจะใช้เพื่อทดแทนเครื่องบินรุ่นเก่าที่ประหยัดพลังงานน้อยกว่า จากการที่ฝูงบินในโลกมีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวถึง 48,000 ลำ จึงส่งผลให้ความต้องการนักบินใหม่เพิ่มขึ้นถึง 540,000 คน แอร์บัสยังคงเดินพัฒนาธุรกิจบริการเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
เกี่ยวกับแอร์บัส
แอร์บัสเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเกี่ยวกับอากาศยาน อวกาศ และการบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในปี พ.ศ.2560 แอร์บัสมีรายได้ 59 พันล้านยูโร ที่แถลงใหม่สำหรับ IFRS 15 และมีการจ้างงานราว 129,000 คน แอร์บัสมีเครื่องบินโดยสารที่ครอบคลุมมากที่สุดตั้งแต่ 100 ไปจนถึงกว่า 600 ที่นั่ง แอร์บัสยังเป็นบริษัทผู้นำในยุโรปที่ให้บริการเรือบรรทุกน้ำมัน เครื่องบินต่อสู้ เครื่องบินขนส่งและปฏิบัติภารกิจ รวมถึงบริษัทเกี่ยวกับอวกาศอันดับหนึ่งของยุโรปและธุรกิจเกี่ยวกับอวกาศที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ในส่วนของเฮลิคอปเตอร์ แอร์บัสยังให้บริการโซลูชั่นด้านอากาศยานปีกหมุนทางทหารและพลเรือนมีประสิทธิภาพมากที่สุดไปทั่วโลก
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit