นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า "นับตั้งแต่ปี 2556 ที่กรมการท่องเที่ยวได้เริ่มจัดเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย หรือ Thailand International Film Destination Festival มีเป้าหมายที่สำคัญ คือ การเผยแพร่ศักยภาพของประเทศไทยในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และความพร้อมด้านการให้บริการถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองไทย ดึงดูดให้กลุ่มคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และผู้สนใจมาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย พร้อมกับประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทย โลเคชั่นต่างๆ ประเพณี วัฒนธรรม ให้ชาวต่างชาติได้รู้จัก และอยากมาสัมผัส อยากมาเยือนประเทศไทย"
"และในวันนี้ เทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย ครั้งที่ 6 Thailand International Film Destination Festival 2018 : TIFDF2018 ภายใต้แนวคิด Colorful Thailand - A True Sense of Thailand's Film Destinations ได้ดำเนินมาถึงโค้งสุดท้าย โดยกิจกรรมตลอดโครงการที่ผ่านมานั้น ได้สร้างสรรค์ขึ้นอย่างมีกลยุทธ์เพื่อสร้างเครือข่ายกับบุคลากรด้านภาพยนตร์จากทั่วโลก พร้อมมอบโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในอนาคต ได้มีโอกาสมาสัมผัสประสบการณ์จริงของการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย และทำงานร่วมกับทีมงานไทย จนสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาเป็นเครือข่ายการทำงานร่วมกันในอนาคต โดยในกิจกรรมการประกวดภาพยนตร์สั้น ที่ถ่ายทำในประเทศไทย ได้เน้นการถ่ายทำใน 8 เขตท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยผู้เข้าแข่งขันจะเป็นนักศึกษาด้านภาพยนตร์จากนานาประเทศทั่วโลก สมัครเข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 277 ทีม และผ่านการคัดเลือก จนได้ผู้ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจำนวน 24 ทีม มาจากทั่วโลก อาทิ อังกฤษ บัลแกเรีย โปรตุเกส บราซิล อินเดีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ โดยได้รับโจทย์การแข่งขันภายใต้แนวคิดวิถีไทย เพื่อนำเสนอการท่องเที่ยวด้วยสีสันความงดงามของสถานที่ต่างๆ ทั้งในด้านธรรมชาติ เสน่ห์ของวัฒนธรรม เอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น ความเป็นวิถีไทย ซึ่งล้วนเป็นสีสันของประเทศไทยโดยสื่อจากมุมมองต่างๆ ของผู้เข้าแข่งขัน เพื่อถ่ายทอดสู่ภาพยนตร์สั้น พร้อมกับอีก 15 ทีมนักศึกษาชาวไทยที่ผ่านการคัดเลือกจาก 36 ทีม กับโจทย์ "เศรษฐกิจพอเพียง" ที่ได้ไปถ่ายทำในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศไทย"
และยังได้มีอีกหนึ่งกิจกรรมที่คืนความสุขให้คนไทย คือ การจัดฉายภาพยนตร์ต่างประเทศที่เคยถ่ายทำในประเทศไทย (Thailand on Screen) 7 เรื่อง 7 รส ที่เปิดโอกาสให้ได้เข้าชมฟรี ในวันที่ 11 – 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์พารากอนซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าสยาม พารากอน โดยภาพยนตร์ทั้ง 7 เรื่อง ล้วนเป็นภาพยนตร์ชื่อดังที่ทำให้เกิดกระแสตามรอยภาพยนตร์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนประเทศไทย ได้แก่ Kickboxer: Vengeance, Largo Winch II, Lupin the 3 rd, The 101-Year-Old Man Who Skipped Out on the Bill and Disappeared, Kickboxer: Retaliation, Will You Be There? และ ALL I SEE IS YOU ซึ่งได้รับความสนใจร่วมกิจกรรมอย่างล้นหลามเช่นทุกปี
"การประชาสัมพันธ์ถึงศักยภาพของประเทศไทยในการดึงดูดกองถ่ายภาพยนตร์จากทั่วโลกนั้น ได้ดำเนินการผ่านกลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่ทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ทรงประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมามีทั้งทีมผู้สร้าง ผู้ผลิต กองถ่ายทำจากต่างประเทศ ทั้งภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ มิวสิควิดีโอ สารคดี เลือกใช้โลเคชั่นในเมืองไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของไทยในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลก เพียบพร้อมไปด้วยบุคลากรที่มีศักยภาพ และสามารถรองรับทีมงานระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย หรือ Thailand International Film Destination Festival จึงเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการประชาสัมพันธ์ พร้อมตอกย้ำถึงความสำเร็จของไทยในสายตาชาวโลกถึงการเป็นโลเคชั่นยอดนิยมอันดับหนึ่งในเอเชีย" นายอนันต์ กล่าวปิดท้าย
ผลรางวัลการแข่งขันถ่ายทำภาพยนตร์สั้นในประเทศไทย Thailand International Film Destination Festival 2018
ทีมนักศึกษาต่างประเทศ
v รางวัลชนะเลิศภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม ทีมนักศึกษาต่างประเทศ Grand Prize
ได้แก่ ทีมจากประเทศฟิลิปปินส์ (ทีมที่ 12)
v รางวัลภาพยนตร์ดีเด่นประจำเขตภูมิภาคการท่องเที่ยว จำนวน 8 รางวัล
รางวัลภาพยนตร์ดีเด่นประจำกลุ่มภาคเหนือ (North Zone)
ได้แก่ ทีมจากประเทศเนเธอร์แลนด์และเบลเยี่ยม (ทีมที่ 3)
ได้แก่ ทีมจากประเทศบราซิล (ทีมที่ 6)
รางวัลภาพยนตร์ดีเด่นประจำกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (North East Zone)
ได้แก่ ทีมจากประเทศเนปาล (ทีมที่ 9)
ได้แก่ ทีมจากประเทศฟิลิปปินส์ (ทีมที่ 12)
รางวัลภาพยนตร์ดีเด่นประจำกลุ่มภาคใต้ (South Zone)
ได้แก่ ทีมจากประเทศอังกฤษ (ทีมที่ 15)
ได้แก่ ทีมจากสาธารณรัฐเช็ก (ทีมที่ 16)
รางวัลภาพยนตร์ดีเด่นประจำกลุ่มภาคกลาง(Middle Zone)
ได้แก่ ทีมจากประเทศฟิลิปปินส์ (ทีมที่ 21)
รางวัลภาพยนตร์ดีเด่นประจำกลุ่มภาคตะวันออก(East Zone)
ได้แก่ ทีมจากประเทศสิงคโปร์ (ทีมที่ 24)
ทีมนักศึกษาไทย
v รางวัลชนะเลิศภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม ทีมไทย Grand Prize ได้แก่ ทีมจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (ทีมที่ 9)
ได้แก่ ทีมจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (ทีมที่ 1)
ได้แก่ ทีมจากมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด (ทีมที่ 7)
ติดตามความเคลื่อนไหวการจัดงานได้ที่ www.thailandfilmdestination.com