จากข้อมูลของ WHO และ UNICEF ระบุว่า ในประเทศไทยมีทารกเพียงร้อยละ 46 เท่านั้นที่ได้กินนมแม่ตั้งแต่ชั่วโมงแรกของชีวิต และมีทารกเพียง 12% ที่ได้กินนมแม่ถึงช่วงอายุ 6 เดือน ซึ่งจากข้อมูลนี้ถือได้ว่าเป็นอัตราส่วนที่ต่ำมาก ทั้งที่นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดที่แม่จะมอบให้แก่ลูกได้ในช่วงหกเดือนแรกของชีวิต และการพลาดโอกาสในช่วงที่สำคัญต่อพัฒนาการนี้ไปอาจไม่สามารถทดแทนได้จากสิ่งอื่น โดยสาเหตุหลักของการที่แม่ในประเทศไทยไม่สามารถให้นมลูกได้อย่างเต็มที่ คือการใช้ชีวิตของผู้หญิงในยุคปัจจุบันที่จะต้องทำงานนอกบ้าน และรับผิดชอบงานในหลายๆ ด้าน จนสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้สามารถให้นมลูกได้เอง อีกทั้งพื้นที่สำหรับการให้นมลูกหรือพื้นที่ที่จะสามารถปั๊มนมเก็บไว้ให้ลูกยังถือว่ามีน้อยมากในสังคมไทย ดังจะไม่สามารถพบเห็นได้อย่างทั่วไป หรือไม่สามารถพบเห็นได้บ่อยครั้งเมื่อเทียบกับพื้นที่สาธารณะอื่นๆ
นางสาวสุวรรณา โชคดีอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก "พีเจ้น" เปิดเผยว่า การให้ความสำคัญในการให้นมแม่อย่างถูกต้องและปลอดภัย คือเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ของพีเจ้นและบริษัทมุ่งพัฒนาฯ เสมอมา โดยได้มีการศึกษาและสำรวจถึงความต้องการอย่างแท้จริงของแม่และเด็ก จนเกิดเป็นโครงการสร้างห้องให้คำปรึกษาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของพีเจ้น หรือ "Pigeon Breastfeeding Consultation Room" ซึ่งได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเป็นอย่างดี บนแนวคิดที่มีร่วมกันคือการสร้างพื้นที่สำหรับแม่และลูกน้อย ที่จะเป็นสถานที่ที่จะให้คุณแม่และลูกน้อยได้มีช่วงเวลาอบอุ่น ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย มีอุปกรณ์และเครื่องมือที่สนับสนุนการให้นมแม่อย่างมีประสิทธิภาพครบครัน รวมไปถึงการมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ให้ความรู้อย่างใกล้ชิดและถูกต้องแก่คุณแม่
"พีเจ้น มีเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างสรรค์สังคมให้มีคุณภาพสำหรับแม่และเด็กในประเทศไทยมายาวนานกว่า 35 ปี โดยโครงการสร้างห้องให้นมแม่เป็นการทำงานเชิงรุกที่บริษัทฯ ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการเพิ่มจำนวนห้องทุกปีในโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นการสร้างคุณภาพในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำหรับแม่และเด็กที่สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากคุณแม่ที่ต้องให้นมลูก ล้วนต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สถานที่ที่สะอาด และมีบรรยากาศเอื้อต่อการให้นม ซึ่งเด็กแรกเกิดไปจนถึง 6 เดือนมีความจำเป็นและต้องการดื่มนมแม่ในทุกๆ 2-3 ชั่วโมง และจะดื่มนมแม่นานครั้งละประมาณ 5 นาที ห้องให้นมแม่จึงเป็นสถานที่ที่สนับสนุน ส่งเสริม และอำนวยความสะดวกสำหรับคุณแม่ที่ต้องการให้นมลูก โดยครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างห้องให้นมแม่ห้องที่ 30 ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์เป็นอย่างดีจากโรงพยาบาลวิภาวดี ในการสานต่อเจตนารมณ์อย่างมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือสังคม และเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคุณแม่และลูก" นางสาวสุวรรณากล่าว
ด้านนายพิจิตต์ วิริยะเมตตากุล กรรมการรองผู้จัดการโรงพยาบาลวิภาวดี กล่าวว่าโรงพยาบาลวิภาวดีให้ความสำคัญในเรื่องการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาตลอดอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นให้ความรู้แก่คุณแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์ และหลังคลอด เพื่อให้คุณแม่สามารถให้นมลูกได้ด้วยตนเองหลังจากออกจากโรงพยาบาล การสร้างห้องให้นมแม่ครั้งนี้ ถือเป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์และมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อคุณแม่และเด็กที่ใช้บริการโรงพยาบาลและอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งภายในห้องให้นมแม่แห่งนี้จะมีทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาแก่คุณแม่เกี่ยวกับการให้นมอย่างถูกวิธี โดยพีเจ้นได้สนับสนุนด้านการสร้างพื้นที่และอุปกรณ์ที่ครบครัน ส่วนโรงพยาบาลวิภาวดีได้ตอบรับด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญให้มาประจำที่ห้องให้นมแม่ตลอดเวลาทำการ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือครั้งนี้จะก่อให้เกิดความตระหนักรู้ถึงคุณค่าและความสำคัญในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อันเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ที่จะก่อให้เกิดภาพสมบูรณ์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในสังคมไทย
"Pigeon Breastfeeding Consultation Room" ณ โรงพยาบาลวิภาวดี เปิดให้บริการด้านคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการให้นมแม่ พร้อมอำนวยความสะดวกให้คุณแม่ในการเป็นพื้นที่ให้นมกับลูกน้อย ด้วยอุปกรณ์ที่ครบครัน โดยให้บริการที่หน่วยงานสูตินารีเวช ชั้น 2 ตึก 2 และหน่วยงานเนอสเซอรี่ ชั้น 6 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทร 02-561-1111 ต่อ 2219-2220
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit