ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บล. เคทีบี (ประเทศไทย) ที่ 'BB(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

12 Jul 2018
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) แก่บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST ที่ 'BB(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'B(tha)'

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตภายในประเทศของ KTBST พิจารณาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเอง และยังสะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจหลักทรัพย์ (franchise) ในประเทศไทยของบริษัทที่มีขนาดเล็ก โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านมูลค่าการซื้อขายน้อยกว่า 1.5% ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2561 อีกทั้งบริษัทยังมีสถานะทางการเงินที่ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์ ผู้บริหารและกลยุทธ์ของบริษัทเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการพิจารณาอันดับเครดิต เนื่องจากสามารถช่วยพลิกฟื้นผลการดำเนินของบริษัทจากผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่องในช่วงก่อนปี 2559 อย่างไรก็ตามฟิทช์ยังคงมองว่าแม้บริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ในระยะปานกลางน่าจะยังคงมีความผันผวนมากกว่าเมื่อเทียบบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศรายอื่น เนื่องจากเครือข่ายธุรกิจหลักทรัพย์ที่ยังด้อยกว่า ซึ่งสะท้อนได้จากโครงสร้างธุรกิจที่กระจายตัวน้อยกว่าและยังอยู่ระหว่างการขยายธุรกิจ อีกทั้งบริษัทยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ค่อนข้างสูง

KTBST มีฐานะเงินทุนที่อ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศ อย่างไรก็ตามแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2562 และแนวโน้มผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้น น่าจะช่วยให้ KTBST มีฐานะเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นและสอดคล้องกับอันดับเครดิต ณ ระดับปัจจุบันมากขึ้น KTBST มีความเสี่ยงมากกว่าในด้านการระดมเงินกู้ยืมและสภาพคล่อง เนื่องจากเสถียรภาพของเงินกู้ยืมยังมีความชัดเจนไม่มากนักและความสามารถในการระดมทุนจากตลาดทุนที่ผ่านมามีค่อนข้างจำกัด แต่อย่างไรก็ตาม KTBST มีแผนที่จะลดการพึ่งพาเงินกู้ยืมระยะสั้นและเพิ่มแหล่งเงินทุนโดยการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ฟิทช์มองว่าโอกาสที่อันดับเครดิตจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับในระยะสั้นนั้นมีค่อนข้างจำกัด อันดับเครดิตของบริษัทได้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินที่มีการปรับตัวดีขึ้นแล้ว ในขณะที่การปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีนัยสำคัญในด้านของขนาดของกิจการ เครือข่ายธุรกิจในประเทศ และโครงสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินที่สำคัญ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในระยะสั้น การที่บริษัทมีแหล่งรายได้และธุรกิจที่หลากหลายขึ้นและการปรับตัวดีขึ้นของอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ จะช่วยสนับสนุนอันดับเครดิตของบริษัทให้มีความมั่นคงมากขึ้น ณ ระดับปัจจุบัน

หากแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของฐานะทางการเงินที่ผ่านมา มีการปรับตัวกลับดไปในทิศทางที่แย่ลง เช่น การปรับตัวแย่ลงอย่างมากในด้านฐานะเงินทุน ด้านอัตรากำไรที่ลดลง หรือ การลดลงของสภาพคล่อง ในระดับที่มากกว่าการคาดการณ์ของฟิทช์และแนวโน้มของอุตสาหกรรมโดยรวม เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบเชิงลบต่ออันดับเครดิต