นพ.มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า โรงพยาบาลราชวิถี เป็นศูนย์รับส่งต่อผู้ป่วยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข รับส่งต่อผู้ป่วย โรคที่มีความซับซ้อนจากโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ และมีความเชี่ยวชาญให้บริการ ทางการแพทย์เฉพาะทางด้วยการฝึกอบรมแพทย์ ผลิตบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีคุณภาพสู่สังคมไทย เพื่อหวังให้คนได้รับการรักษาที่ดีมีคุณภาพและเท่าเทียมกันมากว่า 67 ปี จึงทำให้รพ.คับแคบและทรุดโทรมลง
ด้วยอาคารศูนย์การแพทย์ฯแห่งใหม่ สามารถรองรับผู้ป่วยได้ปีละประมาณ1,500,000 คนต่อปี หรือวันละ 6,000 คน ซึ่งมีศูนย์การตรวจ - รักษาโรคเฉพาะทางครบวงจรตามมาตรฐานสากลห้องผ่าตัดอัจฉริยะ ศูนย์ผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ศูนย์ไตเทียมด้วยเทคโนโลยีใหม่ ศูนย์ความเป็นเลิศทางแพทย์อีก 8 ศูนย์ แต่ยังขาดแคลนเครื่องมือแพทย์อีกมาก อาทิ เครื่องช่วยหายใจ เตียงผ่าตัด โคมไฟผ่าตัดเครื่องอัลตร้าซาวน์ เครื่องล้างไต เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่อให้อาคารศูนย์การแพทย์ฯ พร้อมให้บริการและสามารถรักษาพยาบาลผู้ป่วยด้อยโอกาสได้เต็มศักยภาพและครบวงจรมากขึ้น
ดังนั้น โครงการ "เทศน์มหาชาติ เพื่ออาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี" จึงจัดขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจทางด้านสาธารณสุขเพื่อประชาชนคนไทยมาอย่างยาวนาน เป็นการสานต่อปณิธานของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ในการรักษา ป้องกันส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนาและจรรโลงมรดกทางวัฒนธรรมทางศาสนาในการเทศน์มหาชาติและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่ต่อไปสืบเนื่องจาก "เทศน์มหาชาติ" เป็นประเพณีโบราณซึ่งบรรพบุรุษไทยถือปฏิบัติสืบต่อกันมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เป็นการเทศนาถ่ายทอดเรื่องราวครั้งพุทธกาลที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพระเวชสันดร บรมโพธิสัตว์ที่ทรงบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ ได้ครบบริบูรณ์ทั้ง 10 ประการซึ่งยากที่ผู้ใดจะปฏิบัติได้ การเทศน์มหาชาตินี้ พระธรรมกถึกสงฆ์ผู้แสดงได้เทศนาเป็นทำนองที่ไพเราะได้อรรถรสน่าฟัง การสดับเทศน์มหาชาติเป็นการปลูกฝังคุณธรรม ศีลธรรม เป็นการให้คติสอนใจคนในสังคมได้ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า และเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้ฟังเทศน์ครบทั้ง 13 กัณฑ์ และดำเนินชีวิตตามหลักธรรมจะช่วยให้ชีวิตเป็นสุขร่มเย็น สังคมเป็นปกติสุขผลอนิสงฆ์จะทำให้ผู้นั้นสมปรารถนา
โดยงาน เทศน์มหาชาติ เพื่ออาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี ถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ได้รับเมตตาจาก เจ้าประคุณ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ รับเป็นประธานฝ่ายบรรพชิต โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 23-24 สิงหาคม 2561 ณ ห้องประชุมพิบูลสงคราม ชั้น 12 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ รพ.ราชวิถี ในการนี้ได้รับผ้าไตรพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 13 ไตร และได้รับพระกรุณาคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปทรงสดับพระธรรมเทศนาเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก กัณฑ์กุมาร ในวันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคมนี้ เวลา15.00 น. อีกด้วย
ทั้งนี้ ปัจจัยกัณฑ์เทศน์ และเงินร่วมทำบุญทั้งหมด จะนำสมทบทุนเพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ และสร้างศูนย์โรคไตครบวงจร อาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทางด้าน นพ.กำธร ลีลามะลิ หัวหน้าศูนย์ไตเทียม โรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน โดยเป็นผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายกว่า 100,000 คน ที่ต้องได้รับการฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 15-20 ต่อปี โรคไตป้องกันได้ โดยหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม ควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงให้ดี ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาบางตัวที่มีผลเสียต่อไต เช่น การใช้ยาแก้ปวดลดการอักเสบอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหรือ หลีกเลี่ยงการใช้ยาสมุนไพรที่ไม่มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องได้มาตรฐาน และโรคไตหลายโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ถ้าได้รับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งสามารถตรวจพบโรคไตระยะแรกได้จากการตรวจคัดกรองโรคไตในการตรวจสุขภาพประจำปี
งานโรคไตโรงพยาบาลราชวิถี ได้รักษาผู้ป่วยโรคไตมากว่า 50 ปี มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษากว่า 12,000 คนต่อปี โดยปัจจุบันยังมีผู้ป่วยที่ทำการรักษาที่ศูนย์ไตเทียมโรงพยาบาลราชวิถีกว่า 1,500 คนต่อปี ศูนย์โรคไตครบวงจร รพ.ราชวิถี ประกอบด้วย 5 หน่วยงานที่ดูแลผู้ป่วยคือ(1) คลินิกโรคไต (Kidney Disease Clinic) ที่ทำการวินิจฉัย รักษาโรคไตให้หาย หรือ ชะลอความเสื่อมในกรณีที่รักษาไม่หายขาด (2) คลินิกล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis Clinic) สำหรับผู้ป่วยไตวาย ที่ต้องรักษาด้วยการล้างไตทางช่องท้องซึ่งเป็นการรักษาด้วยตนเองที่บ้านเป็นหลัก จึงต้องมีทีมที่ออกเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านและดูแลให้คำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง (3) หน่วยฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis Unit) ที่ทำการฟอกเลือดให้กับผู้ป่วยไตวายทั้งแบบวิกฤติ เฉียบพลัน และ แบบเรื้อรัง (4) คลินิกเส้นฟอกเลือด (Vascular Access Clinic) ที่ทำการสร้างเส้นเลือดพิเศษหรือสายที่ใช้สำหรับ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ตรวจประสิทธิภาพและดูแลรักษาเส้นฟอกเลือดเลือดให้ใช้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานที่สุด ซึ่งบริการดังกล่าวนี้ยังขาดแคลนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้มีผู้ป่วยถูกส่งตัวเข้ามารับการรักษาที่ รพ.ราชวิถี จำนวนมาก (5) ศูนย์ผ่าตัดเปลี่ยนไต ซึ่งเป็นการรักษาโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ดีที่สุด
โรงพยาบาลราชวิถี จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการรักษาคนทุกคนอย่างเสมอภาค ได้มาตรฐาน ลดขั้นตอนและเพิ่มความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น จำเป็นต้องมีงบประมาณสนับสนุนเพิ่มอีกประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งคนไทยทุกคนสามารถร่วมช่วยต่อชีวิตคนป่วยไข้ที่ยากไร้นี้ได้
ดังนั้นจึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านร่วมเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ต่างๆ หรือร่วมทำบุญตามศรัทธา และร่วมฟังเทศน์มหาชาติ เวชสันดรชาดกทั้ง13 กัณฑ์ (1,000 พระคาถา) กับโครงการ "เทศน์มหาชาติ เพื่ออาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี ถวายเป็นพระราชกุศลฯ" โดยร่วมบริจาคได้ที่ "ศูนย์การแพทย์ราชวิถี ในมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี" ธนาคารไทยพาณิชย์ หมายเลขบัญชี 051-2-69056-1หรือ สอบถามโทร 02–3547997-9 ต่อ101, 104 และ 109 http://www.rajavithihospitalfoundation.org
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit