โครงการโซลาร์ราชการร่วมกับองค์การทหารผ่านศึกของบีซีพีจี ขายไฟฟ้าได้เป็นรายแรกในประเทศ รับรู้รายได้ทันทีในเดือนกรกฎาคมนี้

20 Jul 2018
โครงการโซลาร์ราชการ ที่บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ร่วมลงทุนกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เริ่มขายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เป็น 2 โครงการแรกของประเทศ ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ก่อให้เกิดประโยชน์จากการสร้างงานและรายได้ที่มั่นคง สร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนและหน่วยงานภาครัฐ
โครงการโซลาร์ราชการร่วมกับองค์การทหารผ่านศึกของบีซีพีจี ขายไฟฟ้าได้เป็นรายแรกในประเทศ รับรู้รายได้ทันทีในเดือนกรกฎาคมนี้

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการ (โซลาร์ราชการ) กับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ที่บริษัทฯ เป็นผู้ร่วมลงทุน จำนวน 2 โครงการ รวมกำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ร่วมกับ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตลพบุรี กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และโครงการที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสุพรรณบุรี กำลังการผลิตประมาณ 4 เมกะวัตต์ เป็น 2 โครงการแรกของประเทศที่สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ได้ในวันที่ 20 และ 23 กรกฎาคมนี้ ตามลำดับ

โครงการผลิตไฟฟ้าโซลาร์ราชการกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกทั้ง 2 โครงการนี้ สามารถรับรู้รายได้ในเดือนกรกฎาคม 2561 ภายใต้อัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่ 4.12 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 25 ปี โดยได้รับการสนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี

ทั้งนี้ บีซีพีจีมีนโยบายในการดำเนินงานที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับองค์กรและสังคมในวงกว้าง ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน ตามแนวทางการทำกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise)ซึ่งการสนับสนุนโครงการโซลาร์ราชการกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกและสหกรณ์การเกษตรซึ่งบีซีพีจีได้เข้าร่วมโครงการไปก่อนหน้านี้ ถือเป็นการดำเนินงานในแนวทางดังกล่าว

ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งสิ้นประมาณ 600 เมกะวัตต์ในประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่น ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศอินโดนีเซีย ผ่านการลงทุนและดำเนินการธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ธุรกิจพลังงานลมและธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพ และกำลังรุกเข้าสู่การทำธุรกิจกับผู้บริโภคโดยตรง ด้วยการนำเทคโนโลยี blockchain มาใช้ในการซื้อขายไฟฟ้าและบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

HTML::image( HTML::image(