นี่เป็นการเดินทางเยี่ยมผู้ลี้ภัยในต่างประเทศครั้งที่ 2 ของเธอ จากคราวที่แล้วที่ได้พบผู้ลี้ภัยซีเรียในประเทศจอร์แดน แต่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ชาวโรฮิงญา คุณปูพบว่าพวกเขาตกอยู่ในสภาพที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง ร้อยละ 55 ของประชากรคือเด็ก และจำนวนมากคือเด็กที่เป็นผู้นำครอบครัว หลายคนเจอความโหดร้ายมาตลอดชีวิต ถูกกดขี่ ล่วงละเมิด สูญเสียคนในครอบครัว พลัดพราก และบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ โดย 1 ใน 3 ของครอบครัวจะมีผู้ที่เปราะบางและต้องการความช่วยเหลือเฉพาะด้าน การลงพื้นที่ในครั้งนี้ คุณปูได้พบกับครอบครัวชาวโรฮิงญา เช่น ครอบครัวอาราฟ่า ที่หนีกันมา 3 คนพ่อแม่ลูก นางอาราฟ่า เล่าให้ปูฟังว่า ญาติของเธอทุกคนถูกจับขังคุก ตัวเธอเคยถูกทำร้าย รู้สึกหวาดกลัวจึงตัดสินใจหนี "ตอนนี้ ไม่กล้ากลับบ้าน ที่นั่นมีแต่ความน่ากลัว ฉันยอมตายดีกว่ากลับไป" อาราฟ่ากล่าว
เมื่อมาถึงค่ายกูตูปาลอง อาราฟ่า ยังคงฝันร้าย แต่เธอได้รับความคุ้มครองจาก UNHCR จัดหาที่พักพิงให้ครอบครัวได้อยู่ด้วยกันอย่างปลอดภัยถึงแม้วิกฤติจะเกิดขึ้นมา 1 ปีแล้ว แต่ปูยังได้พบกับชาวโรฮิงญาที่เพิ่งหนีเข้ามาได้เพียง 12 วัน เธอชื่อราเบีย ที่เล่าให้ปูฟังว่า เธออดทนที่จะอยู่ไม่ยอมลี้ภัยทั้งๆที่เดินทางไปไหนก็ไม่ได้ หาอาหารก็ไม่ได้ เธอรอจนลูกของเธออายุได้ 1 ขวบจึงลี้ภัยพร้อมหลายๆครอบครัว ใช้เวลาเดินเท้า 7 วัน ระหว่างนั้น เธอก็พลัดหลงจากญาติๆ ไม่มีอาหาร แล้วเรื่องน่าสลดก็เกิดขึ้น ลูกวัย 1 ขวบของเธอเสียชีวิตในอ้อมกอดของราเบีย เธออดทนเดินทางต่อจนถึงค่ายกูตูปาลอง ราเบียยังคงโศกเศร้าจากการสูญเสียลูกของเธอ UNHCR ช่วยฟื้นฟูจิตใจ และติดตามหาญาติให้ครอบครัวได้กลับมาปลอบประโลมใจเธออีกครั้ง
ค่ายกูตูปาลอง ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อดินโคลนถล่ม พายุฝน ความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่นี่จึงไม่ได้มั่นคง ปลอดภัยมากนัก แต่พวกเขาจำเป็นต้องออกมา หนีจากความทุกข์ยากที่มีมาตั้งแต่เกิด ถึงแม้ประเทศบังคลาเทศ ประสบปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ และมีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก แต่ยังรองรับผู้ลี้ภัยเกือบ 1 ล้านคน ปูขอขอบคุณรัฐบาลบังคลาเทศในความโอบอ้อมอารีมา ณ ที่นี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญา มีความซับซ้อน อ่อนไหว และต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ปูชื่นชมการทำงานของ UNHCR ที่ดูแลชาวโรฮิงญาอย่างรอบด้าน ทั้งเยียวยาจิตใจ ช่วยเหลือด้านการแพทย์ การศึกษา แม้กระทั่งการรักษาสิ่งแวดล้อม ปลูกป่าและสอนการอยู่กับช้าง เพื่อสร้างความกลมเกลียวต่อการอยู่ร่วมกันกับชุมชนในพื้นที่ภาพชาวโรฮิงญาที่ปูเห็นในข่าวเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทำให้ปูติดต่อ UNHCR โดยไม่รู้จักใครเลย เพื่อแสดงความจริงใจที่อยากมอบความช่วยเหลือ วันนี้ ปูได้พบชาวโรฮิงญาจริงๆ ทำให้ปูชื่นชมในความเข้มแข็ง และกล้าหาญของพวกเขาที่ปูสัมผัสได้ด้วยใจ
ไม่มีมนุษย์คนไหนเกิดมาแล้วอยากเป็นผู้ลี้ภัย ต้องมาขออาศัยในประเทศอื่น และมีชีวิตอย่างยากลำบาก ปูจึงขอเชิญชวนทุกคนมอบความเห็นใจ และสนับสนุนผู้ลี้ภัย รวมทั้งการทำงานของ UNHCR ซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉลี่ย UNHCR ใช้เวลาเกือบ 20 ปีกว่าจะแก้ปัญหาให้ผู้ลี้ภัยได้ ปูยังคงมุ่งมั่นปฎิบัติหน้าที่ในฐานะทูตสันถวไมตรีของ UNHCR ต่อไป การลงพื้นที่ในแต่ละครั้งมอบความทรงจำ และพลังในการที่ปูต้องทำงานหนักต่อไป เพื่อเพื่อนมนุษย์ของเราค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ลี้ภัย
www.unhcr.or.th
ร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา
SMS พิมพ์ 30 ส่งมาที่ 4642789 (เพื่อบริจาคครั้งละ 30 บาท) หรือโทร. 02-206-2144 (จันทร์-ศุกร์ 9.00-18.00น.)
การบริจาคแบบต่อเนื่องผ่านบัตรเครดิต เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยให้ได้ประโยชน์สูงสุด
หมายเหตุ
คุณปู ไปรยา ลุนด์เบิร์ก ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทูตสันถวไมตรีของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาติ หรือ UNHCR ตั้งแต่ 31 มกราคม 2560 เป็นคนไทยคนแรกในประเทศไทย และเอเชียแปซิฟิคที่ได้รับตำแหน่งนี้ โดยมีหน้าที่หลักในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ลี้ภัย พัฒนาความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อชีวิตของผู้ลี้ภัยในระยะยาว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit