ที่ บ้านโคกเกตรี หมู่ 3 ตำบลเกตรี อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เป็นชุมชนมุสลิม มีประชากร 810 คน ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำเกษตรกรรมในชุมชน ทำนาและทำสวน อาชีพเสริมของสตรีในหมู่บ้าน คือ การทำขนมพื้นเมือง เช่น ขนมบุหงาบูดะ ขนมทองพับ ขนมไข่เต่า เป็นต้น ในจำนวนประชากรทั้งหมดนี้มีโรคประจำตัวคือโรคความดัน 60 คน และเบาหวาน จำนวน 35 คน สาเหตุมาจากการรับประทานอาหารและไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการออกกำลังกาย
แต่ที่ชุมชนแห่งนี้มี "สภาเด็กและเยาวชนตำบลเกตรี" ซึ่งดำเนินกิจกรรมในชุมชนอยู่แล้ว เห็นว่าควรหาทางให้สมาชิกชุมชนได้ออกกำลังกาย เมื่อปรึกษากับหลายฝ่ายเห็นพ้องกันว่าศิลปะมวยไทย คือกีฬาอันดับหนึ่งที่ชาวเกตรีให้ความสนใจมากที่สุด จึงได้เริ่ม โครงการ "การส่งเสริมกิจกรรมทางกายด้วยมวยไทย บ้านโคกเกตรี" ขึ้น เพื่อชักชวนให้ชาวชุมชนทุกเพศทุกวัยหันมาออกกำลังกายโดยใช้ศิลปะมวย เพื่อลดและป้องกันโรคที่คุกคามประชาชนในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
จากคำบอกเล่าของผู้นำชุมชน กรียา อาดำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 เปิดเผยว่าชุมชนมีจุดเด่นเรื่องการให้ความร่วมมือดี และอยู่กันอย่างสงบสุขตามหลักศาสนาอิสลาม หากชุมชนจะดำเนินกิจกรรมใดๆ ก็จะใช้เวทีประชาคมในการพูดคุยตัดสินใจ แม้ในเวทีบางเรื่องจะเห็นแตกต่างกันแต่ก็จะหาทางออกได้เสมอ ทำให้มีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนเกิดขึ้นมากมาย และการใช้มวยไทยมาเป็นศิลปะในการออกกำลังกายนี้ เป็นแนวคิดของสภาเด็กและเยาวชนตำบลเกตรี ซึ่งได้ใช้เวทีประชาคมพูดคุย หาวิธีการออกกำลังกายที่สามารถทำร่วมกันได้คราวละหลายๆคน โดยเชิญวิทยากรครูมวยในพื้นที่มาสาธิตท่าออกกำลังกายก่อนในเบื้องต้น
"เรื่องมวยนี่เริ่มจากเยาวชน เพราะเยาวชนเป็นกลุ่มที่มีพลังเยอะ ตอนแรกส่วนใหญ่ก็เตะฟุตบอล เล่นวอลเลย์บอล ถ้าจะเล่นกันเยอะๆ สนามไม่พอ แต่มวยไทยเราเล่นกันได้เป็นร้อยเลย พอเด็กๆ ออกกำลังกายกัน เราก็ต่อยอดไปหาพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กๆ ที่มานั่งดูออกกำลังกาย กลายเป็นทุกเพศทุกวัยออกกำลังกายด้วยกัน" ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านโคกเกตรี กล่าว
ทางด้าน ราฏา กรมเมือง ที่ปรึกษากลุ่มเยาวชน เสริมว่าความจริงการออกกำลังกายด้วยมวยไทยเริ่มก่อนหน้านี้เกือบ 3 ปี แต่ไม่มีการรวมกลุ่มชัดเจนเช่นปัจจุบัน จากการสังเกตพบว่าในช่วง 16.00 น. โดยปกติเด็กมักจะใช้เวลาในร้านเกมเสียส่วนใหญ่ แต่เมื่อมีกิจกรรมออกกำลังกายด้วยมวยไทย เด็กที่เคยเข้าร้านเกมก็จะมาออกกำลังกายแทน ขณะที่ผู้ปกครองที่มีฐานะดีก็มักจะส่งลูกให้ไปเรียนในตัวเมือง ทำให้ขาดการปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเยาวชนในชุมชน การจัดกิจกรรมออกกำลังกายมวยไทยร่วมกันสามารถช่วยให้เยาวชนในหมู่บ้านได้รู้จักกันสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวได้
"ตอนแรกเราทำกิจกรรมกับกลุ่มเยาวชน เราเห็นพฤติกรรมเปลี่ยนไป ร้านเกมจะเงียบเพราะเด็กมาออกกำลังกายกันหมด และผู้ปกครองที่มานั่งรอลูกหลานออกกกำลังกายกันบอกกับเราว่าช่วยหาวิธีออกกำลังกายให้ผู้ใหญ่ด้วยได้มั้ย เราจึงได้เห็นภาพของคนต่างวัยมาออกกำลังกายร่วมกันโดยใช้มวยไทยเป็นท่าออกกำลังกาย" ที่ปรึกษากลุ่มเยาวชนกล่าว
ราฏา ยังบอกด้วยว่าในชุมชนมองเห็นว่ามวยไทยเป็นศาสตร์ที่ใช้ป้องกันตัวได้และดึงดูดความสนใจได้ดี เมื่อสอนวิธีออกกำลังกายเป็นแล้วสามารถนำไปออกกำลังกายเองด้วยตัวเองที่บ้านได้ ช่วยสร้างความตระหนักให้คนในชุมชนได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกันก็ช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยเด็ก คนวัยทำงานและผู้ใหญ่ได้มาออกกำลังกายร่วมกัน
ขณะที่ อัพดอล พงค์สวัสดิ์ รองประธานสภาเด็กและเยาวชนตำบลเกตรี กล่าวว่าปกติไม่ชอบออกกำลังกายนัก แต่ให้ความสนใจกีฬามวยไทย ภายหลังได้เข้าร่วมกิจกรรมด้านจิตอาสาเป็นแกนนำเยาวชนของตำบล และได้มาร่วมออกกำลังกายมวยไทยรู้สึกชอบจนปัจจุบันได้เข้าไปฝึกชกมวยกับโค้ชค่ายมวยในพื้นที่อย่างจริงจัง และหวังจะขึ้นชกบนเวทีสักครั้ง ส่วนการดำเนินโครงการให้คนในชุมชนร่วมออกกำลังกายด้วยมวยไทยนั้น ตนและคณะทำงานมีส่วนร่วมตั้งแต่การเขียนโครงการ จึงได้เห็นกระบวนการทำงานทั้งหมด และจากการสังเกตพบว่าผู้หญิงให้ความสนใจออกกำลังกายด้วยมวยไทยมากกว่าผู้ชายอีกด้วย
"ผมคิดว่า ผู้หญิงให้ความสำคัญเรื่องรูปร่าง อยากให้ร่างกายแข็งแรงสมส่วนก็เลยมาออกกำลังกายกันเยอะกว่า ตอนนี้มีทั้งผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ใหญ่มีทุกวัยมาออกกำลังกายร่วมกัน ผมเองก็ได้รู้จักน้องๆ มากขึ้นจากเดิมที่ไม่ค่อยรู้จักใครเลย แม้ว่าจะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน" แกนนำเยาวชน กล่าว
ปัจจุบันกิจกรรมออกกำลังกายด้วยมวยไทยบ้านโคกเกตรี ได้ใช้พื้นที่สนามโรงเรียนบ้านเกตรี เป็นสถานที่ออกกำลังกายในช่วงเย็นตั้งแต่วันจันทร์-วันศุกร์ จากเริ่มแรกมีผู้เข้าร่วม 50 คน ปัจจุบันมีเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 100 คน เป็นผลความสำเร็จที่เกิดจากทุกฝ่ายในชุมชนแห่งนี้ที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมเป็นอย่างดี โดยมีสุขภาพดีเป็นผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกทุกเพศวัยในชุมชนแห่งนี้อย่างยั่งยืน.
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit