นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัท นอร์ทอีส จำกัด (มหาชน) (NER) ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น (Lead Underwriter) พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นอีก 7 บริษัท โดย NER จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท คิดเป็น 38.96% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 770 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,540 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท
ที่ผ่านมา NER ได้ทำการเดินสายเพื่อนำเสนอข้อมูลบริษัทแก่นักลงทุนในประเทศจำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง นครปฐม ราชบุรี อุบลราชธานี สุรินทร์ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา และกรุงเทพมหานคร และต่างประเทศ 3 ประเทศ ได้แก่ สิงค์โปร์ ฮ่องกง และจีน เพื่อให้นักลงทุนสถาบันและคู่ค้าได้ทำความเข้าใจและรู้จักบริษัทมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ APM ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 และเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 สำนักงาน ก.ล.ต.ได้แจ้งอนุญาตการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ NER และเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 บริษัทได้รับแจ้งการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า NER มีความโดดเด่นในอุตสาหกรรมยางพารา ซึ่งปัจจุบันบริษัทผลิตยางแผ่นรมควัน (Ribbed Smoked Sheet : RSS) ยางแท่งมาตรฐาน (Standard Thai Rubber: STR) และยางผสม (Mixtures Rubber) เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีลูกค้ารายสำคัญ เช่น บริดจสโตน (Bridgestone) ผู้ผลิตยางและยางรถยนต์รายใหญ่ในตลาด รวมไปถึงกลุ่มผู้ค้าคนกลาง (Trader) ทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย
ทั้งนี้ NER มียอดขายในประเทศคิดเป็นร้อยละ 60 และต่างประเทศร้อยละ 40 บริษัทมีการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และการจัดส่งสินค้าที่ตรงตามเวลา นอกจากนี้บริษัทมีห้องวิจัยของตนเองทำให้สามารถทำการวิเคราะห์คุณภาพก่อนการจำหน่ายได้ด้วยตนเอง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นสำคัญของ NER
สำหรับยางแปรรูปส่วนใหญ่จะนำไปใช้เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในอุตสาหกรรมผลิตยางล้อรถยนต์ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถบรรทุก นอกจากนี้ยังใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางที่ใช้ในงานวิศวกรรม เช่น สายพาน ท่อยาง ตลอดจนกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ เช่น รองเท้ายาง พื้นรองเท้า ยางรัดของ เป็นต้น
นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)(CNS) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 600 ล้านหุ้น มีการกำหนดราคาอยู่ที่หุ้นละ 2.58 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 9.96 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 และจะเปิดให้จองซื้อหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 29 - 31 ตุลาคม 2561 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนพฤศจิกายน 2561
สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้มี CNS เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นอีก 7 บริษัท ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางพาราแปรรูป เปิดเผยว่า สำหรับการระดมทุนครั้งนี้ NER จะนำเงินที่ได้จากลงทุนในเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 60,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 และมีแผนที่จะสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตยางแท่ง (STR) และยางแท่งผสม (Mixtures Rubber) กำลังการผลิต 172,800 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ส่วนเงินระดมทุนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ เมื่อรวมการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) ที่จะแล้วเสร็จในปี 2562 และการลงทุนก่อสร้างโรงงาน ยางแท่ง STR และยางแท่งผสมแห่งใหม่ที่จะแล้วเสร็จในปี 2563 จะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตยางพาราแปรรูป รวมทั้งโรงงานเป็น 465,600 ตันต่อปี
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 9,819.70 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 224.12 ล้านบาท และสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 3,976.51 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 166.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.19%
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit