ทั้งนี้ การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าว เป็นการดำเนินการใช้อำนาจตามมาตรา 6 แห่งพ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2553 กำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นรองประธานกรรมการ และมีกรรมการโดยตำแหน่ง 13 คน และผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมที่มาจากการแต่งตั้งของนายกรัฐมนตรี จำนวนไม่เกิน 9 คน เป็นกรรมการ โดยมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ 3 ปี
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า คณะกรรมการกวช.มีอำนาจหน้าที่ อาทิ เสนอแนะและให้ความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายและแผนแม่บทวัฒนธรรมของชาติ เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อจัดให้มีหรือแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาติ วางแนวทางและประสานนโยบายและแผน เพื่อความร่วมมือและการปฏิบัติงานขององค์กรต่าง ๆ ในหน่วยงานของรัฐและเอกชนในเรื่องที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาติและการรณรงค์วัฒนธรรมอันดีงามของชาติ เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบเรื่องที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจัดทำคำของบประมาณการรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2562 ของกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการด้านวัฒนธรรม อาทิ โครงการบริหารสารสนเทศและคลังข้อมูลด้านวัฒนธรรม โครงการมหกรรมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โครงการเผยแพร่ผลงานศิลปินแห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้คำของบฯดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมบัญชีกลาง
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี:ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ วิถีธรรม พ.ศ.2562 เพื่อขับเคลื่อนการจัดกิจกรรมดังกล่าวที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2561 ถึง 15 มกราคม 2562 ซึ่งได้มีการเชิญประมุขสงฆ์ต่างประเทศ และรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านศาสนา และวัฒนธรรมของต่างประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีที่ปรึกษาและอนุกรรมการประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานอนุกรรมการ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นรองประธานอนุกรรมการ คนที่ 1 และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานอนุกรรมการ คนที่ 2 ส่วนที่ปรึกษาและอนุกรรมการเป็นผู้แทนหน่วยงานต่างๆ อาทิ ผู้แทนมหาเถรสมาคม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย สมาคมสภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กรมการศาสนา ปลัดกรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติให้เพิ่มอนุกรรมการ เช่น ผู้แทนกรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น เพื่อให้การบูรณาการขับเคลื่อนกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการชุดนี้ มีอำนาจทำหน้าที่วางแผน กำหนดรูปแบบและแนวทางการดำเนินงานกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี และประสานงานกับส่วนราชการ หน่วยงานรัฐ หน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวัด ศาสนสถาน สถานที่ท่องเที่ยว ภาคประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมจัดกิจกรรมสวดมนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน เพื่อร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี รวมทั้งกำกับ ติดตาม ประเมินผลและรายงานผลการดำเนินงานสวดมนต์ข้ามปีต่อคณะกรรมการกวช.