สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี (ไทยแอลพีจีเอ), ไชน่าแอลพีจีเอ และออสเตรเลียนแอลพีจี ร่วมสานต่อความสำเร็จเป็นปีที่สองต่อเนื่องจากปี 2560 ในการแข่งขันกอล์ฟอาชีพสตรี "พีทีที ไทยแลนด์ แอลพีจีเอ มาสเตอร์ส 2018" ระยะ 6,420 หลา พาร์ 72 โดยมีนักกอล์ฟสตรีจากทั้ง 3 สมาคมเข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น จำนวน 114 คน จาก 15 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็นนักกอล์ฟสตรีจากอันดับของสมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี (ไทยแอลพีจีเอ) จำนวน 35 คน นักกอล์ฟสตรีจากอันดับของไชน่าแอลพีจีเอ จำนวน 44 คน นักกอล์ฟสตรีจากอันดับของออสเตรเลียนแอลพีจี จำนวน 20 คน และนักกอล์ฟสตรีรับเชิญ จำนวน 15 คน ทำการแข่งขันแบบสโตรคเพลย์ 3 รอบ รอบละ 18 หลุม รวม 54 หลุม โดยนักกอล์ฟสตรีที่มีคะแนนรวม 50 อันดับแรกและเสมอ หลังจากจบการแข่งขัน 36 หลุม หรือ 2 รอบแรกของการแข่งขัน จะผ่านการตัดตัวเข้าสู่การแข่งขันรอบที่ 3 เป็นรอบสุดท้ายในวันที่ 21 กันยายน 2561 เพื่อชิงเงินรางวัลรวม 4 ล้านบาท และคะแนนสะสมในการจัดอันดับโลก โดยนักกอล์ฟอาชีพที่เป็นผู้ชนะของรายการจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 600,000 บาท
นักกอล์ฟสาวฝีมือดีระดับท็อปของทัวร์ ได้พร้อมใจตอบรับเข้าร่วมการแข่งขันชิง 4 ล้านบาทและคะแนนสะสมในการจัดอันดับโลกครั้งนี้ นำทีมโดยมือหนึ่งของไทยแอลพีจีเอทัวร์ "โปรเปียโน" อาภิชญา ยุบล ที่คว้าแชมป์ 5 สนามรวดจาก สิงห์-เอสเอที ไทยแอลพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ 2018 สนามที่ 4-8 และก้าวขึ้นอันดับหนึ่งนักกอล์ฟทำเงินรางวัลสูงสุดของทัวร์ในขณะนี้ มาพร้อมกับความคาดหวังว่าจะเป็นเต็งหนึ่งจากฝั่งไทย เพื่อรักษาถ้วยรางวัลให้อยู่ประเทศต่อไป
สาวน้อยวัย 16 ปี จากสระบุรี เคยคว้าแชมป์สมัครเล่นใน ไทยแลนด์ แอลพีจีเอ มาสเตอร์ส เมื่อปี 2559 ก่อนจะเทิร์นโปรในปี 2560 และสร้างผลงานอันน่าเหลือเชื่อในฤดูกาลนี้ ไม่นับรวมกับผลงานอันโดดเด่นของเปียโนก่อนหน้านี้อีกมากมาย และหวังสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ที่ 6 ในฤดูกาลเดียว เผยว่า ""ตื่นเต้นมากกับผลงานคว้า 5 แชมป์ใน ไทยแอลพีจีเอทัวร์ ได้ติดต่อกัน การแข่งขันรายการ พีทีที ไทยแลนด์ แอลพีจีเอ มาสเตอร์ส ปีนี้ถือเป็นการเล่นครั้งที่ 2 ของตัวเองในฐานะนักกอล์ฟอาชีพ และต้องลงเล่นในฐานะมือ 1 ของทัวร์ แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด และเชื่อว่าตัวเองน่าจะมีโอกาสติดท๊อป 10 ได้"
นักกอล์ฟที่น่าจับตามองอีกคนของไทย ดีกรีแชมป์เก่าปีที่แล้ว ที่จะกลับมาป้องกันแชมป์สนามนี้ "โปรอ๊าย" ศรัณย์พร ลางคุลเกษตริน โปรสาววัย 19 ปี จากภูเก็ต เทิร์นโปรเมื่อปี 2558 เป็นก้าวเป็นมือ 1 ทำเงินรางวัลสูงสุดของไทยแอลพีจีเอทัวร์เมื่อปี 2560 และโลดแล่นอยู่ในทั้งไทยแอลพีจีเอ ไต้หวันแอลพีจีเอ และไชน่าแอลพีจีเอ สร้างผลงานคว้า 4 แชมป์ในปี 2560 และอีก 2 แชมป์ในปี 2561 จากรายการ อีเอฟจี ฮ่องกง เลดี้ส์ โอเพ่น และ ซัน คาร์ ซางเจี้ยกาง ฉางชาน คลาสสิค เป็นรายการล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เผยถึงการกลับมาป้องกันแชมป์ในครั้งนี้ว่า "รู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาเล่นในบ้าน และยังเป็นการป้องกันแชมป์อีกด้วย จะพยายามเล่นให้ดีที่สุด ไม่เครียดและสนุกกับเกมของตัวเอง หวังว่าคนไทยจะได้แชมป์เพื่อรักษาถ้วยให้อยู่ในบ้านเรา และทำให้วงการกอล์ฟหญิงได้เห็นว่านักกอล์ฟไทยเราก็มีฝีมือไม่เป็นรองใคร"
ด้านไชน่าแอลพีจีเอ ซึ่งเป็นทัวร์ใหญ่ของจีนและภูมิภาค เป็นทัวร์ที่เข้ามาร่วมแซงค์ชั่นกับรายการนี้ในปี 2560 เป็นครั้งแรก ทำให้เกิดเป็นรายการไตรแซงค์ชั่นขึ้น ได้ร่วมคัดนักกอล์ฟจากอันดับต้น ๆ ของทัวร์เข้าร่วมมากมาย และสร้างสีสันให้กับรายการเป็นอย่างมาก
หลี่ เจียยุน หนึ่งในโปรสาวดาวรุ่งจากไชน่าแอลพีจีเอ จากกวางสี วัย 28 ปี เคยเป็นกัปตันทีมชาติหญิงและนำทีมคว้าเหรียญเงินในเอเชียนเกมส์ ปี 2010 ที่กวางโจว เทิร์นโปรในปี 2011 และสามารถคว้าแชมป์อาชีพแรกจากรายการ เซี่ยงไฮ้ คลาสสิค 2014 และจาก เลอ ค็อค สปอร์ติฟ ปักกิ้ง เลดี้ส์ คลาสสิค 2016 สร้างผลงานดีที่สุดในฤดูกาลนี้ คือ จบอันดับ 5 ในอีเอฟจี ฮ่องกง เลดี้ส์ โอเพ่น และหวังคว้าแชมป์แรกของฤดูกาลให้กับตัวเองจากรายการนี้ด้วย เผยถึงความรู้สึกที่จะได้กลับมาร่วมเล่นที่เมืองไทยอีกครั้ง ว่า "ฉันชอบเมืองไทยและอาหารไทยมาก เฝ้ารอและดีใจที่จะได้หวนกลับมาเล่นที่นี่อีกครั้ง ปีที่แล้ว สองรอบแรกทำได้ดี แต่มาเสียรอบสุดท้าย แต่ปีนี้หวังว่าจะกลับมาแก้มือโดยทำคะแนนทั้งสามรอบให้ดี ตอนนี้เตรียมตัวโดยการฝึกซ้อมและโฟกัสที่การตีให้ดี และการเล่นลูกสั้น ตอนที่มาถึงสนามแล้วก็คงต้องลงฝึกซ้อมเพื่อให้คุ้นเคยกับกรีนสปีดและหญ้าของที่นี่"ส่วนออสเตรเลียนแอลพีจี ที่ได้ร่วมโคแซงค์ชั่นกับไทยแอลพีจีเอในศึกนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2559 ได้ส่ง เอมี่ วอลช์ นำทีมนักกอล์ฟหญิงจากฝั่งออสเตรเลียร่วมประชันสวิง กล่าวถึงการเดินทางกลับมาเยือนไทยอีกครั้ง หลังจากเคยร่วมลงแข่งในไทยแลนด์ อเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ 2014 และเพิ่งเดินทางมาร่วมแข่งในเลดี้ส์ ยูโรเปี้ยน ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ว่า "คิดว่าสนามนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญ เพราะรวม 3 ทัวร์มาแข่งในสนามเดียวกัน เคยเล่นที่สนามนี้ตั้งแต่ปี 2014 ตอนนี้ก็อยากจะกลับมาดูถึงการเปลี่ยนแปลงของของสนามและเกมของตัวเอง คาดว่าการแข่งขันน่าจะดุเดือดพอตัว เพราะตอนนี้นักกอล์ฟของไทยก็ฝีมือเก่งมาก ส่วนตัวคิดว่าเกมของตัวเองกำลังเข้าที่เข้าทาง ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เล่นอยู่ในยุโรปหลายรายการ ซึ่งน่าจะช่วยเตรียมพร้อมให้ตัวเองที่จะลงแข่งรายการนี้"
นอกจากนี้ ยังมีโปรสาวจากทั้ง 3 ทัวร์ ที่น่าลุ้นและเชียร์อีกหลายคน มาพร้อมดีกรีแชมป์และรองแชมป์ อีกหลายคน อาทิ โปรสาวเจ้าถิ่น "วันชนา โพธิ์เรืองรอง" แชมป์สิงห์-เอสเอที ไทยแอลพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ 2018 สนามที่ 2 และอันดับสองทำเงินรางวัลสูงสุดของไทยแอลพีจีเอในปัจจุบัน, "สุภมาส แสงจันทร์" แชมป์ ซานย่า เลดี้ส์ โอเพ่น 2016 และฮ่องกง เลดี้ส์ โอเพ่น 2017 ร่วมด้วยโปรสาวจากไชน่าแอลพีจีเอทัวร์และออสเตรเลียนแอลพีจีเอทัวร์ ที่จะทยอยเดินทางสู่เมืองไทยช่วงสุดสัปดาห์นี้ ได้แก่ "หวง ชิง" แชมป์ โอเรียน มาสเตอร์ส หวูฮั่น ชาลเลนจ์ 2018, "เฉิน หยิว จิว" แชมป์ ซีทีบีซี เลดี้ส์ คลาสสิค 2018, "สุย เซียง" รองแชมป์ เหิงฉิน ฟีนิกซ์ ทรี บิลดิ้ง โอเรียน กอล์ฟ ชาลเลนจ์ 2018 และ "ฮานี ซอง" รองแชมป์ บริสเบน อินวิเทชั่นนัล 2018 ซึ่งจะร่วมเติมสีสันการแข่งขัน "พีทีที ไทยแลนด์ แอลพีจีเอ มาสเตอร์ส 2018" ให้น่าสนุกและตื่นเต้น และร่วมแสดงความยินดีกับการครบรอบ 10 ปีของสมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรีอีกด้วย
การแข่งขันกอล์ฟอาชีพสตรีรายการใหญ่ส่งท้ายฤดูกาล "พีทีที ไทยแลนด์ แอลพีจีเอ มาสเตอร์ส 2018 (PTT THAILAND LPGA MASTERS 2018)" ของไทยแอลพีจีเอ ได้รับการสนับสนุนการแข่งขันจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), การกีฬาแห่งประเทศไทยและกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด, สนามปัญญาอินทรา กอล์ฟ คลับ, มูลนิธิธงชัย ใจดี, เบทาโกร และทรูวิชั่นส์
กำหนดการถ่ายทอดสดการแข่งขันในวันพฤหัสบดี ที่ 20 กันยายน เวลา 13.30 – 16.30 น. และวันศุกร์ ที่ 21 กันยายน เวลา 11.00 – 14.30 น. ผ่านทางช่องทรูสปอร์ตเอชดี 2 ในเครือข่ายของทรูวิชั่นส์ จำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขัน ณ จุดจำหน่ายบัตรภายในบริเวณสนามแข่งขันฯ ราคา 100 บาท/ท่าน ผู้ชมอายุต่ำกว่า 18 ปี และ สูงกว่า 60 ปี เข้าชมฟรี สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของการแข่งขันได้ที่ www.thailpga.com หรือทาง THAI LPGA Official Fanpage (facebook.com/thailpgafanpage)