ITEL เจ้าถนนแห่งโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก คู่คิดเตรียมพร้อมสู่โลกยุคดิจิทัล 4.0

20 Sep 2018
ITEL หรือ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) ชูยุทธศาสตร์เจ้าถนนไฟเบอร์ออฟติก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้โครงข่าย "Interlink Fiber Optic" เป็นโครงข่ายที่มีความรวดเร็วและเสถียรที่สุดในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และสามารถรองรับการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี "ณัฐนัย อนันตรัมพร" กรรมการผู้จัดการ ย้ำจุดยืนเป็นเพื่อนคู่คิดให้กับองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน เพื่อก้าวสู่ยุคดิจิทัล 4.0 เน้นให้ความสำคัญในการให้บริการแก่ลูกค้า และจะยึดความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้งโดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการที่คล่องตัวที่สุดเพื่อตอบสนองธุรกิจของลูกค้าเพื่อที่ทำให้ทุกการเชื่อมต่อของลูกค้านั้นเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ตั้งเป้าปี 2021 รายได้แตะ 2,000 ล้านบาท พร้อมชิงมาร์เก็ตแชร์ธุรกิจให้เช่าโครงข่ายเพิ่มหวังติด Top 5
ITEL เจ้าถนนแห่งโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก คู่คิดเตรียมพร้อมสู่โลกยุคดิจิทัล 4.0

นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ITEL เป็นบริษัทชั้นนำที่เน้นในเรื่องของการทำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เราเลือกที่จะใช้เทคโนโลยีที่เป็น Fiber Optic ด้วยความเชื่อที่ว่าถ้าพื้นฐานดี การต่อยอดธุรกิจ จะผลักดันไปในทิศทางใดก็ได้ในอนาคต โดยจังหวะที่ภาคอุตสาหกรรมมาผลักดันเรื่องดิจิทัล 4.0 ซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาลมาเกื้อหนุนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานตรงกับการให้บริการของ ITEL โดยสิ่งที่บริษัทฯพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นในวันนี้ ก็คือการใช้กำลังการผลิตและการใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด เราเน้นเรื่องของการสร้างประโยชน์ให้ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะการทำงานเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้า ไม่ใช่ทำธุรกิจซื้อมาแล้วขายไป แต่เป็นธุรกิจที่ให้บริการ และหวังให้ลูกค้าจะอยู่กับเราในระยะยาว

โครงข่าย Interlink Fiber Optic ของบริษัทฯ มีโครงข่ายทั้งบนเส้นทางถนนและเส้นทางรถไฟ ทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขันครอบคลุมถึง 75 จังหวัด ทำให้โครงข่ายมีเสถียรภาพมากขึ้น สามารถให้บริการครอบคลุม ตั้งแต่บริการ MPLS, Wavelength, Dark Fiber, IPLC และ Broadcast Service ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในกิจการเพื่อการสื่อสารและโทรคมนาคมทุกรูปแบบ โดยสามารถสื่อสารสัญญาณข้อมูล (Data) ภาพ (Video) เสียง (Voice) และการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท (Internet) โดยมีทีมวิศวกรดูแลตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าบริการของบริษัทฯ สามารถตอบสนองการส่งผ่านข้อมูลและการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยสูงสุด และสามารถตรวจสอบสถานะของโครงข่าย เพื่อให้สามารถป้องกันหรือแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที จึงทำให้โครงข่าย Interlink Fiber Optic สามารถให้บริการได้ด้วยมาตรฐานและคุณภาพบริการ (Service Level Agreement) ที่ระดับ 99.9%

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ต่อยอดธุรกิจ โดยให้บริการพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) เพื่อนำเอาประโยชน์ของการมีโครงข่ายใยแก้วนำแสงทั่วประเทศมาเป็นจุดขายซึ่งครอบคลุมการให้บริการเช่าพื้นที่ว่างเซิร์ฟเวอร์ พื้นที่เซิร์ฟเวอร์เสมือน และศูนย์สำรองข้อมูลฉุกเฉิน (Disaster Recovery) แก่องค์กรต่างๆ ตามความต้องการ ของลูกค้าที่แตกต่างกัน โดยดาต้า เซ็นเตอร์ของบริษัทฯ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นดา ต้าเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ 1ใน 9 คนไทย ที่ได้รับ Certified Data Centre Expert (CDCE) เป็นหัวหน้าทีมงานคุณภาพคอยให้บริการและดูแลระบบตลอด 24 ชั่วโมง

ปัจจุบัน ITEL มีพนักงานมากถึง 700 คน จากเริ่มแรกมีพนักงานเพียง 5 คนถือว่า เป็นบริษัทฯที่เติบโตในระยะ 6 ปีที่มีพนักงานเพิ่มเข้ามา เพราะฉะนั้นในเรื่องมูลค่าทางธุรกิจหลักต่างๆ ที่บริษัทฯส่งผ่านพนักงานไปถึงลูกค้า เราค่อนข้างให้ความสำคัญ ในเรื่องทรัพยากรบุคคล ซึ่งเราเชื่อมั่นในเรื่องของทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพรองรับความต้องการลูกค้าได้เต็มที่

ITEL เชื่อมั่นในการพัฒนาโครงข่าย Fiber Optic เพื่อให้บริการดาต้า เซอร์วิสเสริมความแข็งแกร่งด้วยบริการดาต้า เซ็นเตอร์ ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากร ให้สามารถรองรับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรต่างๆที่กำลังก้าวสู่ยุคดิจิทัล 4.0 โดยบริษัทฯเล็งเห็นว่าการเชื่อมต่อสื่อสารคือหัวใจสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ จึงมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการให้บริการโครงข่ายทั่วประเทศไทย โดยให้ความสำคัญในการคิดค้นและผสมผสานเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เพื่อพัฒนาความสามารถและศักยภาพของโครงข่าย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้โครงข่าย Interlink Fiber Optic เป็นโครงข่ายที่มีความรวดเร็วและเสถียรที่สุดในอุตสาหกรรม และสามารถรองรับการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม โดยยังคงรักษาการให้ความสำคัญในการให้บริการแก่ลูกค้า และยึดความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการที่คล่องตัวที่สุด เพื่อตอบสนองธุรกิจของลูกค้าเพื่อที่ทำให้ทุกการเชื่อมต่อของลูกค้านั้นเรียบง่ายไม่ซับซ้อนโดยบริษัทฯตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดธุรกิจให้เช่าโครงข่ายเพิ่มขึ้นมาที่ 15-17% ภายในปี 2564 ขึ้นสู่ Top 5 จากปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 9-10% ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมในประเทศอยู่ที่ 13,000 ล้านบาท

ในโอกาสครบรอบ 2 ปี ที่ ITEL ได้เข้าเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ครบรอบ 2 ปี ในวันที่ 14 กันยายน 2561 นี้ นายณัฐนัย กล่าวว่า การเข้าตลาด mai นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการก้าวไปสู่เวทีที่เท่าเทียมกันในคู่แข่งของธุรกิจในตลาดนี้ ซึ่งผ่านมา 2 ปี ITEL ได้พิสูจน์ผลงานให้เห็นแล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 กำไรสุทธิอยู่ที่ 67.24 ล้านบาท ปี 2560 กำไรสุทธิอยู่ที่ 102.40 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 64.85 ล้านบาท เห็นได้ชัดว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างความภาคภูมิใจให้กับบุคลากรของบริษัทฯในทุกส่วน รวมถึงสร้างผลตอบแทนให้ทั้งผู้ถือหุ้นและนักลงทุนอย่างยั่งยืน