ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวย้ำถึงนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พร้อมกับดูแลแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบควบคู่กันไป และยังกล่าวถึงความสำคัญขององค์กรการเงินชุมชนในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ด้วยจุดแข็งที่อยู่ใกล้ชิดกับสมาชิก จึงสามารถให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือด้านแหล่งเงินทุนให้แก่สมาชิกได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ผู้นำชุมชนนำโมเดลการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบข้างต้นไปประยุกต์ใช้ตามศักยภาพของแต่ละชุมชนและขยายผลในวงกว้าง และได้เสนอแนะว่าประชาชนสามารถสร้างรายได้จากการพึ่งพาและแบ่งปันกันตามความสามารถของแต่ละคน ที่เรียกว่า เศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) รวมถึงได้มอบนโยบายให้ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เข้าไปช่วยผลักดันการทำงานร่วมกับชุมชนให้มากขึ้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและการยกระดับคุณภาพชีวิตแก่พี่น้องประชาชนเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังได้มอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง(ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) และผู้บริหารกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 5 ราย ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยสอบถามสภาพความเป็นอยู่และปัญหาอุปสรรคของการเข้าร่วมมาตรการ นอกจากนี้ ในการดำเนินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตดังกล่าว ภาครัฐได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนด้วย เช่น ธนาคารออมสินได้ร่วมมือกับ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) ในการจัดหลักสูตรนำร่องเพื่อพัฒนาอาชีพแบบเจาะลึก และสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริง เป็นต้นทั้งนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลังได้ขอให้ผู้ผ่านการฝึกทักษะอาชีพได้นำความรู้ที่ได้รับมาใช้พัฒนาอาชีพเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ