บทสรุปของการสร้างแบรนด์ทรงพลังใน พ.ศ. นี้ ผศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร เผยว่า "แบรนด์ที่ทรงพลังต้องเริ่มจากการเข้าใจถึงรากที่มาของแบรนด์ทรงพลัง ซึ่งเกิดจากการเข้าใจ Human Moment Insight พฤติกรรมของผู้บริโภคในขณะนั้น แบรนด์ต้องมี Momentum การเคลื่อนไหวเปลี่ยนใหม่อยู่ตลอดเวลา ให้มันสดใส เราเคยคิดว่าต้องมี Brand Value ต้องมี Positioning ต้องมี Personality ต้องมี Communication ต้องมี Image ต้องมี Identity แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะจากผลวิจัยพบว่า วันนี้ไม่ใช่ Brand Value แต่ต้องเกิดจาก Brand Insight ที่เข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่ Brand Positioning แต่แบรนด์ต้องมี Momentum ต้องมี Dynamic และไม่ใช่แค่สร้างบุคลิกภาพของแบรนด์ แต่แบรนด์ต้องมี Charisma มีเสน่ห์ มีชีวิตชีวา ในตอนสำรวจมีแบรนด์หลายแบรนด์ คาแรกเตอร์ลูกค้าตอบได้หมด แต่ไม่มีใครซื้อ และไม่ใช่การสร้าง Brand Identity โลโก้หรือสี แต่เป็นการสร้าง Brand Senses ที่ลูกค้ารู้สึกกับแบรนด์และสร้างความรู้สึกร่วม และการสร้าง Brand Senses นำไปสู่การสร้าง Brand Image คนบอกว่าสร้างแบรนด์ต้องมีภาพลักษณ์ ภาพลักษณ์มีเยอะแยะ แบรนด์หลายแบรนด์ทำ CSR แต่คนจำไม่ได้ว่าแบรนด์นี้ CSR อะไรไป แบรนด์มี Image แต่ไม่มี Memory ลูกค้าจำไม่ได้ จึงต้องขยับจาก Brand Image สู่การเป็น Brand Memory ที่ลูกค้าจดจำ
ท้ายสุดการสื่อสารโดยเน้น Brand Communication ด้วยการโฆษณา จะไม่มีใครแชร์ แบรนด์ที่ทรงพลังต้องทำให้ลูกค้าค่อยๆ ซึมซับ Brand Absorption คำถามคือทำอย่างไรให้ลูกค้าถึงจะซึมซับได้ เมื่อก่อนเราบอกว่าต้องดูพฤติกรรม หรือ A Day In A Life แต่วันนี้เราต้องค้นหา Moment in Customer Life เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการแชร์"
"จากผลการสำรวจและวิเคราะห์ นักการตลาด นักสร้างแบรนด์ สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนากลยุทธ์ เพื่อพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตให้ทรงพลัง เพราะหากแบรนด์มีพลัง ไม่เพียงสร้างการเติบโตให้แก่องค์กร แต่ยังเป็นพลังที่สร้างการเติบโตให้แก่ประเทศชาติ ให้สามารถแข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นและเข้ามาในอนาคต" ผศ.ดร.วิเลิศ กล่าวปิดท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit