ปัญหาผมร่วงแก้ไขได้โดยไม่ต้องใช้ยา

01 Oct 2018
ด้วยคติพจน์ของงานที่ว่า "เครื่องสำอางค์: วิทยาศาสตร์เพื่อความงามและไลฟ์สไตล์" นักวิทยาศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลกตบเท้าเข้าร่วมประชุมในวันที่ 18 -21 กันยายนที่ผ่านเมื่อ ณ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี จัดองค์กรซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจความงามและครื่องสำอางค์ IFSCC ( The International Federation of Societies of Cosmetic Chemists) ถือเป็นการประชุมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเชิงวิทยาศาสตร์ด้านเครื่องสำอางค์ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 30 โดยประเด็นสำคัญในการประชุมในปีนี้เน้นไปที่เรื่องของคาเฟอีน
ปัญหาผมร่วงแก้ไขได้โดยไม่ต้องใช้ยา

ครั้งแรกที่ส่วนผสมหลักที่ใช้เป็นสารออกฤทธิ์ในเครื่องสำอางค์อย่างคาเฟอีนถูกจัดเป็นหัวข้อหลักในการบรรยายในหลายๆประเด็น

ความสนใจเชิงวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการกล่าวถึงเป็นพิเศษในปีนี้ คือ ส่วนผสมหลักที่ใช้เป็นสารออกฤทธิ์ในเครื่องสำอางค์อย่างคาเฟอีนในการประชุมของ The International Federation of Societies of Cosmetic Chemists โดยนักวิทยาศาสตร์ 5 คนจาก 4 ประเทศได้ขึ้นบรรยายในหัวข้อ การพัฒนาและการประยุกต์ใช้สูตรเครื่องสำอางค์ที่ใช้คาเฟอีนเพื่อบำรุงผมและความงาม (Development and Application of Formulations Containing Caffeine for Hair Growth and Beauty) โดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศ อินเดีย ฮังการี ออสเตรีย และเยอรมนี ต่างกล่าวสุนทรพจน์ที่พูดถึงการใช้คาเฟอีนในประเด็นสรีรศาสตร์เกี่ยวกับเส้นผม

ผลการศึกษาการทดสอบที่แต่ยอมรับได้ยืนยัน – คาเฟอีนมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการใช้ยาในการรักษาอาการผมร่วงผลลัพธ์เชิงบวกของคาเฟอีนที่มีต่อสุขภาพเส้นผมเป็นที่รู้จักและได้รับการพิสูจน์มากว่า 15 ปี สสารชนิดนี้ออกฤทธิ์กระตุ้นเส้นผม และป้องกันปัญหาผมร่วงโดยพันธุกรรม โดยงานวิจัยชิ้นล่าสุดชี้ว่าคาเฟอีนไม่ได้มีประสิทธิภาพด้อยไปกว่าสารที่มีสรรพคุณทางยาอย่าง ไมน็อกซิดิล (Minoxidil) ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ ราชิตา ธุรัท จากประเทศอินเดีย (Prof.Dr. Rachita Dhurat) ได้นำเสนอผลการศึกษาระหว่างการประชุมใหญ่ IFSCC โดยสรุปว่า "เป็นที่น่าประหลาดใจมากที่พบว่า คาเฟอีน มีประสิทธิภาพเท่ากับยาไมน็อกซิดิลในปริมาณ 5%"

ปัญหาผมร่วงโดยพันธุกรรมไม่ใช่โรคแต่เป็นปัญหาด้านความโน้มเอียงทางพันธุกรรม

ปัญหาผมร่วงนับเป็นปัญหาระดับโลก โดย 80% ของกรณีนี้พบว่า ปัญหาผมร่วงไม่ได้เกิดจากการเจ็บป่วยแต่เป็นเรื่องของพันธุกรรม ซึ่งเรียกอีกอย่างว่าปัญหาผมร่วมโดยพันธุกรรม หรือ แอนโดรเจเนติค อะโลพีเซีย (Androgenetic Alopecia) ผู้ที่เลือกใช้ยาในการรักษาปัญหานี้พึงระลึกไว้ว่า สสารที่สรรพคุณทางยาย่อมให้ผลข้างเคียง (ไม่ว่าจะเป็น อาการปวดหัว คันปจนถึงปัญหาเกี่ยวกับหนังศีรษะ และอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ)

การใช้คาเฟอีนเป็นการรักษาทางเลือกสำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่ปราศจากผลข้างเคียง

คาเฟอีนถือเป็นการรักษาทางเลือกสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาผมร่วงและไม่ต้องการเสี่ยงเรื่องผลข้างเคียง คาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นรากผมและป้องกันผลข้างเคียงเชิงลบของฮอร์โมนเพศชายที่ส่งผลต่ออาการผมร่วงก่อนวัย เมื่อรากผมได้รับการบำรุงโดยคาเฟอีนเป็นประจำจะช่วยป้องกันปัญหาผมร่วงโดยพันธุกรรมได้

รวมคำพูดจากผู้เชี่ยวชาญ

ศาสตราจารย์ ด้อกเตอร์ นายแพทย์ ฟิชเชอร์ (ออสเตรีย)

Prof. Dr. mrd. Fischer (AUT)

ผลลัพธ์เชิงวิทยาศาสตร์ที่แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของคาเฟอีนปรากฏขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ยุค 70 ทุกวันนี้โลกกำลังพยายามมองหาสสารใหม่ๆ แต่เราได้ศึกษาสสารที่เคยได้รับการยอมรับและได้ค้นผลผลลัพธ์ใหม่ๆที่เกี่ยวกับสรีรศาสตร์ด้านเส้นผม

ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ ธุรัท (อินเดีย)

Prof. Dr. Dhurat (IND)

ฉันประหลาดใจมากที่ได้รู้ว่า คาเฟอีน อาจมีประสิทธิภาพเท่ากับยาไมน็อกซิดิลในปริมาณ 5% และยิ่งประหลาดใจมากขึ้น เมื่อผลลัพธ์เปิดเผยว่า คาเฟอีนนั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่าไมน็อกซิดิล 5 %

ข้อมูลและตัวเลขที่น่าสนใจเกี่ยวกับปัญหาผมร่วงจากทั่วโลก

อิหร่าน

70% ของชาวอิหร่านเชื่อว่าปัญหาผมร่วงมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในสังคม โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม24% ของชาวอิหร่านเลือกที่จะมีชีวิตที่สั้นลงเพื่อแลกกับผมที่เสียไป หรือแลกกับการที่จะไม่ต้องหัวล้านผมร่วงเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด (41%) รองลงมาคือกลิ่นตัว (28%) ในขณะที่ปัญหาน้ำหนักเกินและปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์มีความกังวลในระดับเดียวกัน (14%)

ผลสำรวจจัดทำโดย JSR Market Research เดือนกรกฏาคม 2561 โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชายจำนวน 800 คน เพศหญิง 200 คน

แอฟริกาใต้

เกือบ 40% ของผู้ชายในผลสำรวจเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับปัญหาผมร่วง

เกือบ 40% ของผู้ชายตอบว่าปัญหาผมร่วงน่ากังวลกว่าปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

34% ตอบว่าปัญหาผมร่วงส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองของพวกเขา

25% ตอบว่าปัญหาผมร่วงจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตในสังคมของพวกเขา

ผลสำรวจจัดทำโดย Plus 94 Research ในปี 2556 โดยสำรวจผู้ชายจำนวน 600 คน ในช่วงอายุ 20-65 ปี

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เกือบ 50% ของผู้ชายและผู้หญิงในผลสำรวจที่อายุต่ำกว่า 30 ปีเคยมีปัญหาเกี่ยวกับผมร่วงผู้ชายในผลสำรวจ มองว่าปัญหาผมร่วงถือเป็น 1 ใน 2 ปัญหาสำคัญที่เกี่ยวข้องกับร่างกาย โดยให้ความสำคัญมากกว่าปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศอีกด้วย

กว่า 5 ใน 10 ของผู้ชายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กล่าวว่าปัญหาผมร่วงนำไปสู่ปัญหาด้านจิตวิทยาและปัญหาทางสังคมอื่นๆ

55% ของผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วงกล่าวว่า พวกเขายอมที่จะให้ชีวิตสั้นลงแลกกับการมีผมงอกขึ้นมาใหม่ผลสำรวจจัดทำโดย YouGov ในปี 2558 โดยมีผู้เข้าร่วมการสำรวจจำนวน 1,100 คนเป็นเพศชายและเพศหญิงที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

ฮ่องกง

47% ของผู้ชายประสบปัญหาผมร่วง

46% ของผู้ชายยอมมีชีวิตที่สั้นลงเพื่อแลกกับการมีผมงอกขึ้นมาใหม่

31% ของผู้ชาย มีความกังวลเรื่องผมร่วงมากกว่าปัญหาด้านเพศสัมพันธ์หรือปัญหาน้ำหนักเกินมาตรฐาน

39% ของผู้ชายทั้งหมดกล่าวว่าปัญหาผมร่วงทำให้เกิดความเครียด

ผลสำรวจจัดทำโดย K Marketing & Communication ในปี 2556 โดยมีผู้เข้าร่วมการสำรวจเป็นเพศชาย จำนวน 560 คนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปแลนด์

2 ใน 3 ของผู้ชายโปลิชประสบปัญหาผมร่วง

เกือบ 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าปัญหาผมร่วงส่งผลต่อความเชื่อมั่นใสตัวเอง หรืออาจจะส่งผล หากพวกเขาประสบปัญหาผมร่วงในชีวิตจริง

40%ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมแลก 1 ปีกับการไม่ดื่อมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เพื่อแลกกับผมที่มีสุขภาพดีน่าแปลกใจที่มีเพียง 1 ใน 3 ของผุ้ตอบแบบสอบถามที่ตอบว่าพวกเขาเคยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันปัญหาผมร่วงผลสำรวจจัดทำโดย GfK ในปี 2559 โดยมีผู้เข้าร่วมการสำรวจเป็นเพศชาย จำนวน 1,012 คนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

ฮังการี

ปัญหาน้ำหนักเกินมาตรฐานเป็นปํยหาด้านร่างกายที่ชายชาวฮังการีกังวลมากที่สุด (26%) ตามด้วยปัญหาผมร่วง (14%)

22% ของผู้หญิงชาวฮังการีไม่ยอมออกเดทกับผู้ชายหัวล้าน (ผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วง)

ผู้หญิงชาวฮังการีจำนวนกว่า 90% มองว่าผู้ชายที่ภาพลักษณ์ภายนอกดูดี คือผู้ชายที่ดูสะอาด โดยผมที่มีสุขภาพดีถือเป็นปัจจัยสำคัญลำดับที่ 3 (16%)

ผลสำรวจจัดทำโดย Merlin Communications ในปี 2557 โดยมีผู้เข้าร่วมการสำรวจเป็นเพศชายและเพศหญิง จำนวน 1,001 คนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป