นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้าน
ตลาดตราสารหนี้ ได้รายงาน
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 มีจำนวน 6,463,676.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41.34 ของ GDP โดยแบ่งเป็น หนี้
รัฐบาล 5,135,083.68 ล้านบาท หนี้
รัฐวิสาหกิจ 935,776.80 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 383,570.59 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 9,245.77 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 22,318.98 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้v หนี้รัฐบาล จำนวน 5,135,083.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 13,699.51 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของหนี้รัฐบาล ดังนี้
- เงินกู้ภายใต้แผนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 และการบริหารหนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้นสุทธิ 20,899.53 ล้านบาท เนื่องจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพื่อนำไปลงทุนในการพัฒนาประเทศ สร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ จำนวน 23,548.53 ล้านบาท และการลดลงของตั๋วเงินคลัง 2,649 ล้านบาท
- เงินกู้เพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศเพิ่มขึ้นสุทธิ 4,566.78 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การกู้ให้กู้ต่อแก่ (1) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 640.19 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจำนวน 411.47 ล้านบาท สายสีน้ำเงินจำนวน 194.28 ล้านบาท สายสีเขียวจำนวน 33.76 ล้านบาท และโครงการรถไฟสายสีม่วงและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณสะพานพระนั่งเกล้าฯ จำนวน 0.68 ล้านบาท (2) การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 5,010.38 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการการก่อสร้างทางคู่ ช่วงนครปฐม – ชุมพร จำนวน 2,751.70 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ จำนวน 1,685 ล้านบาท โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น จำนวน 494.68 ล้านบาท โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต จำนวน 70.87 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า - แก่งคอย จำนวน 8.13 ล้านบาท และ (3) การชำระคืนต้นเงินกู้ที่ให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจำนวน 1,083.79 ล้านบาท
- การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 400 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน
- การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 11,710.86 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
- หนี้ต่างประเทศลดลงสุทธิ 455.94 ล้านบาท เนื่องจากการเบิกจ่ายและชำระคืนเงินกู้สกุลเงินต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
- หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 935,776.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 12,091.05 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
- หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เพิ่มขึ้นสุทธิ 2,415.26 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากหนี้ ที่เพิ่มขึ้นของการรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
- หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เพิ่มขึ้นสุทธิ 9,675.79 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากหนี้ที่เพิ่มขึ้นของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
- หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 383,570.59 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 3,085.66 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
- หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 9,245.77 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 385.92 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จำนวน 6,463,676.84 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 6,188,010.60 ล้านบาท หรือร้อยละ 95.74 และหนี้ต่างประเทศ 275,666.24 ล้านบาท (ประมาณ 8,557.16 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 4.26 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และหนี้สาธารณะ คงค้างแบ่งตามอายุคงเหลือ สามารถแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,763,983.17 ล้านบาท หรือร้อยละ 89.17 และหนี้ระยะสั้น 699,693.67 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.83 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด