เป้าหมายของการจัดอะเมซซิ่งมวยไทย นอกจากจะให้ผู้ชมจะได้รับทั้งความรู้ ความบันเทิง รู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของศิลปะแม่ไม้มวยจริงๆ นี่นับเป็นบิ๊กโปรเจ็คต์ที่ผู้จัดต้องการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมด้านการต่อสู้ของชาติ และเผยแพร่ทักษะมวยไทยขั้นสูงให้ชาวโลกทั่วไปได้ประจักษ์
แต่อาจมีคำถาม "ผู้จัดงานคือใคร มาจากไหน??" ทำไมถึง "กล้า" ครีเอทเวทีการแข่งขันชกมวยไทยที่เห็นดาษดื่นในเวทีต่างๆ แล้วนำเสนอ "ท่าทางที่ถูกต้อง" แทน
"พีรธัช สุขพงษ์" ประธาน บริษัท เอ เอ็ม ที 888 กรุ๊ป จำกัด อาจเป็น "หน้าใหม่" ในวงการจัดอีเวนท์ แต่พื้นหลัง ไม่ไก่กา เพราะชีวิตการทำงานคลุกคลีกับแวดวงการเมืองมาก่อน ในตำแหน่งอดีต "ผู้ช่วยเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร หรือ กฟก."ทำงานในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา พอพ้นวาระ ต้นปี 2560 ได้เข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC หุ้นร้อน! ที่กลายเป็นมหากาพย์ความขัดแย้งของทีมผู้บริหารภายในองค์กร ที่แย่งชิงอำนาจบริการกันสุดฤทธิ์
แต่ภายหลัง "พีรธัช" ได้ออกจากตำแหน่งดังกล่าว แต่ก็ไม่แผนที่จะกลับเข้าไปนั่งใน IFEC อีกครั้ง "ผมไม่ใช่นักลงทุน เล่นหุ้น ก่อนหน้านี้ผมทำงานในตำแหน่งทางการเมือง มีวาระ ระหว่างทำงานก็อยากจัดกิจกรรมแข่งขันชกมวยไทยที่ออกท่าทางแม่ไม้มวยไทยถูกต้อง" พีรธัชฉายปูมหลังการทำงาน
จากนั้นจึงเดินหน้าศึกษาเรื่องหมัดมวยเต็มที่ วิ่งรอกหารือกูรูผู้เชี่ยวชาญมวยไทยอย่าง "ผศ.ดร.ต่อศักดิ์ แก้วจรัสวิไล" ด๊อกเตอร์มวยไทยรุ่นแรกของโลก และอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ และ พัฒนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เพื่อเรียนรู้ "ท่าทาง" ออกหมัดต่ออกอาวุธที่มีมากถึง 600 ท่า เช่น พร้ายายแก่, ฤาษีเหิน, ขว้างจักรนารายณ์, พระพายล้มสิงขร, กาจิกไข่ ฯ
"ผมคุยกับผศ.ดร.ต่อศักดิ์ อยู่นานพอสมควร เพื่อตกผลึกเลือก 39 ท่ามาบรรจุในการ ซึ่งการเลือกท่าถือเป็นหัวใจของอีเวนท์ครั้งนี้อย่างมาก ที่ผ่านมายังส่งทีมงานไปทำวิจัย สอบถามนักศึกษาว่าคิดอย่างไรถ้าจัดอีเวนท์แข่งขันชกมวย ทำให้พบโจทย์ใหญ่ว่าคนเหล่านั้นไม่ต้องการประมือกับนักมวยตามค่าย เพราะกระดูกคนละเบอร์ การออกท่าออกหมัดไม่ได้ตามตำรา สวนทางกับนักศึกษาร่ำเรียนมาอีกแบบ"
เมื่อเห็นว่าหนุ่มๆไม่มี "เวที" โชว์ศักยภาพและความสามารถ จึงลุยต่อหารือกับอธิการบดีสถาบันการพลศึกษาถึงท่าทางการชกมวยที่ถูกต้อง และเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะมี "สังเวียน" การชกและอนุรักษ์แม่ไม้มวยไทยจริงๆ รวมถึงสร้างกฎกติกาการชกขึ้นมาใหม่ ภายใต้โจทย์การนำเสนออีเวนท์ให้ดูคนต้องร้อง Wow!ผ่านรูปแบบรายการเรียลลิตี้โชว์มาสร้างสีสัน
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจสร้างสรรค์อีเวนท์โปรเจ็คต์ใหญ่ ไม่ง่าย แถมใช้งบลงทุนหลัก "สิบล้านบาท" ความเป็น "มือใหม่" ทำให้มีอุปสรรคดักอยู่ด้านหน้า โดยเฉพาะการเดินสายหาผู้สนับสนุนหรือสปอนเซอร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น จึงงัดกลยุทธ์การทำตลาด สร้างการรับรู้แบรนด์(Brand Awareness)ทั้งชื่อองค์กร(Corporate Brand) และกิจกรรม "อะเมซซิ่งมวยไทยแชมป์เปี้ยน"
การจัดแข่งขันนั้นมีขึ้นที่จังหวัดชลบุรี แต่แบรนด์บริษัทและกิจกรรมต้องรู้จักในวงกว้าง(Mass) ทำให้ต้องจัดแคมป์มวยหน้าลานสยามพารากอน เป็นทำเลทองยุทธศาสตร์(Strategic location) เพื่อให้เตะตาผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติที่หมุนเวียนเข้ามาเดินช้อป ชิม ชิลที่ศูนย์การค้ามากกว่า "แสนคน" ต่อวัน ปั่นกระแสการแชะภาพแล้วแชร์อีเวนท์ต่อบนโลกออนไลน์ และปากต่อปากแบบ Buzz Marketing รวมถึงจัดให้มีการถ่ายทอดสอเรียลลิตี้โชว์ผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 เพราะมีเครือข่ายไทยทีวีโกลบอลเน็ทเวิร์ค(TGN)ให้รับชมได้ใน 150 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังเพิ่ม "แม่เหล็ก"ด้วยการดึงนักชกระดับชาติ ได้แก่ สมรักษ์ คำสิงห์, เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง, สามารถ พยัคฆ์อรุณ, ขาวผ่อง สิทธิชูชัย มาเป็นโค้ชให้ผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีม เพราะคนเหล่านี้มีฐานแฟนคลับระดับหนึ่ง จึงเป็นการ "เรียกกระแส" จากติ่งนักชกได้อีกทาง
"สิ่งที่เราพยายามสร้างตั้งแต่ต้นคือ Build brand เล่นกับโซเชียลเน็ตเวิร์ค ดึงคนมาสมัครแข่งขัน งัดการประชาสัมพันธ์มาช่วย และเลือกทำเลใจกลางกรุงจัดกิจกรรม ให้คนได้สัมผัสอีเวนท์ให้เข้าใจว่าเราทำอะไรกระแสความเป็นไทยมาแรง แต่การนำเสนอกิจกรรมการอนุรักษ์ศิลปะแม่ไม้มวยไทยให้สปอนเซอร์เข้าใจ เป็นเรื่องยากพอสมควร จึงต้องวางกลยุทธ์มาเป็นหมัดน็อคสร้างความเชื่อมั่น"
ปั้นแบรนด์องค์กรตีคู่อีเวนท์ไม่พอ ยุคนี้ต้องสร้าง "Personal Brand" หรือตัวตนของคนจัดงานให้โดดเด่นด้วย เพราะจะเห็นได้ว่าบรรดานักจัดอีเวนท์มือถือทั้งหลายที่เรียกตัวองเป็น เจ้าพ่อ นักครีเอทีฟมือทอง สารพัดสมญานาม ล้วนใช้ชื่อชั้นตัวเองเป็นจุดขายแทบทั้งสิ้น
"ผมต้องการสร้างตัวเองให้เป็นแบรนด์ด้วย เพื่อทำให้ตลาดรับรู้ว่าคนนี้ทำอีเวนท์ประเภทนี้"
นี่เป็นเพียงสเต็ปแรก หมากรุกถัดไปคือการ ดึงอีเวนท์ไปจัดในต่างประเทศ รวมถึงการนำเด็กนักชกไปโกอินเตอร์ด้วยกัน โดยเล็งประเทศเป้าหมายไว้ เช่น รัสเซีย เป็นต้น แน่นอนว่าทำโปรเจ็คต์ใหญ่ทั้งที จึงวางแผนระยะยาวลุย "อะเมซซิ่งมวยไทยแชมป์เปี้ยน" ติดต่อกัน 5 ปี
อีเวนท์อนุรักษ์มวยไทย เป็นแค่ใบเบิกทางให้ "พีรธัช" แจ้งเกิดในวงการนักคิดนักสร้างสรรค์งาน เพราะเป้าหมายใหญ่ เขาต้องการสานต่อจัดอีเวนท์เชิงอนุรักษ์ที่เป็นงาน "ระดับชาติ" ทุกประเภท จะกระทรวงทบวงกรมไหน จะท่องเที่ยว หรือวัฒนธรรม หน่วยงานใด พร้อมเข้าไปขายไอเดีย เพื่อทำให้งานเท่ และเพิ่มคุณค่า(Value)ให้กับองค์กรเหล่านั้น
"ผมต้องการคิดต่างเพื่อสร้างมูลค่า นี่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานครั้งนี้"
เชื่อว่าคำบอกเล่าจากปาก "พีรธัช" จะทำให้ทุกคนรู้จักนักจัดอีเวนท์หน้าใหม่ ที่ใจถึง!คนนี้มากขึ้น
รู้จักโครงการฯ เพิ่มเติม ทุ่ม 20 ล้าน เปิดแคมป์เรียลลิตี้มวยไทยกลางกรุง
กระแสอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมไทยกำลังมาอย่างแรง ล่าสุดในวงการ "มวยไทย" ทำบิ๊กเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวแคมป์เรียลลิตี้ฝึกมวยไทยกลางกรุงครั้งแรกในเมืองไทย โดย คุณพีรธัช สุขพงษ์ ประธาน เอ เอ็ม ที 888 กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ สถาบันการพลศึกษา จึงจัดงาน "เปิดแคมป์กลางกรุง มุ่งสู่การค้นหา สุดยอดนักมวยไทย หนึ่งเดียวในสังเวียน" รายการ "อะเมซิ่งมวยไทยแชมป์เปี้ยน 2018 " วัตถุประสงค์ เพื่อค้นหาสุดยอดนักมวยไทย หนึ่งเดียวในสังเวียน, เน้นทักษะการต่อสู้ด้วยท่าทางที่ถูกต้องของมวยไทย, อนุรักษ์แม่ไม้มวยไทยอีกหลายท่า ให้นำกลับมาใช้ใหม่ ไม่เลือนหาย (จากเดิมที่มีกว่า 600 ท่า) พร้อมปลุกกระแสมวยไทยเชิงอนุรักษ์ให้คงอยู่เป็นสมบัติชาติต่อไป ฯลฯ จึงนำเสนอเป็นเรียลลิตี้ แคมป์ฝึกมวยกลางลานพารากอน อบรมและสอนโดยโค้ชนักมวยทีมชาติ คุณสามารถ พยัคฆ์อรุณ, คุณเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง, คุณสมรักษ์ คำสิงห์, คุณขาวผ่อง สิทธิชูชัย พร้อมตัดสิน ชกกันสดๆ ตลอดสามวัน ตั้งแต่ วันที่ 29—31 มีนาคม 2561 เปิดตัววันแรกได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ผู้จัดเผยแนวคิดว่า "มวยไทยถือเป็นสมบัติของชาติเราอย่างหนึ่ง มีเอกลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมเฉพาะตัว ดังนั้นการทำรายการฯ นี้ขึ้นก็เพื่ออนุรักษ์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย โดยที่ผ่านมาจะเห็นการแข่งขันเยอะ แต่เป็นลักษณะการเอาชนะ และความบันเทิง ยังไม่มีเวทีใดที่เน้นฝึกฝนและมอบทักษะ ท่าทางที่ถูกต้องให้กับผู้ชม ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของรายการฯ ซึ่งร่วมกับ สถาบันการพลศึกษา ในการที่จะผลักดัน และรณรงค์เรื่องมวยไทยให้อยู่ต่อไป เป็นสมบัติชาติ เพราะแน่นอนว่าเราคงไม่ชอบใจ ถ้าที่สุดแล้ววันหนึ่งครูสอนมวยไทยไม่ใช่คนไทยขึ้นมา
โค้ชประจำรายการ สมรักษ์ คำสิงห์, เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง, สามารถ พยัคฆ์อรุณ, ขาวผ่อง สิทธิชูชัย เผยว่าครั้งนี้ถือเป็นเวทีประวัติศาสตร์ เพราะรวมพลังมาเทรนด์เต็มที่ เพื่อผู้ชมจะได้รับทั้งความรู้ ความบันเทิง แก่นแท้ของศิลปะแม่ไม้มวย แม่ไม้เฉพาะที่ฝึกมีเอกลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมเฉพาะตัว ดังนั้นการทำรายการฯ นี้ขึ้นก็เพื่ออนุรักษ์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย โดยที่ผ่านมาจะเห็นการแข่งขันเยอะ แต่เป็นลักษณะการเอาชนะ และความบันเทิง ยังไม่มีเวทีใดที่เน้นฝึกฝนและมอบทักษะ ท่าทางที่ถูกต้องให้กับผู้ชม อีกอย่างภารกิจร่วมกันคืออยากผลักดัน และรณรงค์ศิลปะมวยไทยให้อยู่ต่อไป เป็นสมบัติชาติ แน่นอนว่าเราคงไม่ชอบใจ ถ้าที่สุดแล้ววันหนึ่งครูสอนมวยไทยไม่ใช่คนไทยขึ้นมา
การทุ่มงบยิ่งใหญ่ครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนจดลิขสิทธิ์ทางปัญญาพร้อมปลุกกระแสอนุรักษ์มวยไทย ภายในแคมป์เปิดให้ทุกคนเข้าชมได้ฟรี แบ่งออกเป็น 4 โซน โซนแรก นิทรรศการเข็มขัดแชมป์ ของทั้งสี่โค้ช เรื่องราว แมทช์ที่ประทับใจ, โซนที่สอง เวทีมวยขนาดใหญ่ ตรงกลาง สำหรับการฝึกซ้อมของนักมวยแต่ละทีม ซึ่งหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันรวม 24 คน 6 รุ่น, โซนที่สาม ห้องฝึกซ้อมของนักมวยแต่ละทีม แบ่งเป็นห้องๆ พร้อมครูผู้ช่วยประจำทีม ในการดูแลของทั้ง 4 โค้ชที่วางแผนการชกให้ลูกทีม (ต้องบอกก่อนว่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน ไม่ใช่นักมวยไทยอาชีพ เป็นบุคคลที่มีทักษะและรักกีฬามวยไทย พร้อมจะฝึกฝน และสุดท้าย โซนที่สี่ ของที่ระลึกเกี่ยวกับมวยไทย อาทิ กางเกงมวย, นวม, กระเป๋า, ผ้าพันมือ ฯลฯ ให้คนที่ผ่านไปมาได้เข้าชมแคมป์เรียลลิตี้กลางกรุง พร้อมชมบรรยากาศการฝึกซ้อมมวยแบบฟรีๆ รวมถึงการแข่งขัน ตั้งแต่ 29-31 มี.ค. รับชมการแข่งชันสดๆ ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 14.00 น.-18.00 น. หรือชมย้อนหลังได้ที่ Youtube : Amazing MuayThai Champion Channel Facebook : amazingmuaythaichampion
HTML::image( HTML::image( HTML::image(