"นอร์ติส" จับมือ "เอนเนอร์โก” บล็อกเชนค่ายยักษ์จากจีน พัฒนาระบบ “ดิจิมินต์” สกุลเงินดิจิทัลพลังงานครั้งแรกของเมืองไทย

18 Apr 2018
นอร์ติส กรุ๊ป (Nortis Group) ผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนในเมืองไทย โดย นางสาวประภารัตน์ ตังควัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ติส เอนเนอยี่ จำกัด (ในภาพด้านซ้าย) ร่วมลงนามกับ เอนเนอร์โก แลบส์ (Energo Labs) ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) จากประเทศจีน โดย นางสาวไคไค หยาง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (ในภาพด้านขวา) ในสัญญาบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อร่วมมือกันพัฒนาระบบบล็อกเชนพลังงานหมุนเวียน และระบบไมโครกริด (Microgrid) ของเอนเนอร์โกเข้าสู่ตลาดไทย เพื่อช่วยส่งเสริมการซื้อขายพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายศูนย์ ณ บริษัท นอร์ติส เอนเนอร์ยี่ จำกัด กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้
"นอร์ติส" จับมือ "เอนเนอร์โก” บล็อกเชนค่ายยักษ์จากจีน พัฒนาระบบ “ดิจิมินต์” สกุลเงินดิจิทัลพลังงานครั้งแรกของเมืองไทย

นางสาวประภารัตน์ ตังควัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ติส เอนเนอยี่ จำกัด เปิดเผยว่า ได้ลงนามในสัญญาบันทึกข้อตกลง (MOU) กับเอนเนอร์โก แลบส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน ค่ายยักษ์ใหญ่ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบบล็อกเชน หรือระบบเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด อันเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ นอร์ติส กรุ๊ป ได้เปิดตัว "ดิจิมินต์" (Digimint) สกุลเงินดิจิทัลด้านพลังงานครั้งแรกของเมืองไทย และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งการร่วมมือกับเอนเนอร์โกในครั้งนี้จะช่วยให้นอร์ติสพัฒนาแพลตฟอร์มบล็อกเชนของสกุลเงินดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในทางกลับกันนอร์ติสจะผลักดันให้เอนเนอร์โกเข้าสู่ตลาดไทย โดยการนำระบบการซื้อขายพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายศูนย์ของเอนเนอร์โก มาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบไมโครกริด (Microgrid) ในประเทศไทยอีกด้วย

"การลงนามในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของนอร์ติส กรุ๊ป ในการเดินหน้าขยายธุรกิจด้านพลังงาน โดยอาศัยลักษณะเด่นของเทคโนโลยีบล็อกเชนในด้านความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของข้อมูล เรามองว่า "ดิจิมินต์" ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ด้านการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด แต่รวมไปถึงในแวดวงพลังงานอย่างยืนทั่วโลกด้วย" ประภารัตน์กล่าว

สำหรับวิสัยทัศน์ของเอนเนอร์โกเป็นชุมชนแบบ "พลังงานอัตโนมัติกระจายศูนย์" หรือ Decentralized Autonomous Energy (DAE) บนบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ ซึ่งสมาชิกในชุมชนสามารถแลกเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยตัวเองได้โดยตรง ผ่านแอพพลิเคชั่นบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Device) ซึ่งเป็นระบบที่สามารถปรับเปลี่ยนได้และประหยัดค่าใช้จ่าย โดยเอนเนอร์โกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการพัฒนาการระดมทุนสกุลเงินดิจิทัลในระยะเริ่มต้น หรือ ICO (Initial Coin Offering) บนระบบบล็อกเชน พีทูพี หรือ P2P (peer-to-peer) นวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่กำลังประสบความสำเร็จในระดับโลก โดยมีเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และไทย

ด้าน ไคไค หยาง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เอนเนอร์โก้ แลบส์ ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีบล็อกเชน กล่าวว่า "เรามองว่า ระบบ DAE อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม และเชื่อว่า มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อมองดูความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างบล็อกเชน ควบคู่ไปกับพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของพลังงานหมุนเวียนในปัจจุบัน"จากผลการสำรวจ ประเทศไทยมีการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือ GDP (Gross Domestic Product) อย่างแข็งแกร่ง 3.9% ในปี พ. ศ. 2560 และคาดว่า จะมีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ในช่วง 20 ปีข้างหน้า นับเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบสำหรับปูพรมให้กับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านพลังงานหมุนเวียน โดยในอนาคต พลังงานหมุนเวียนจะมีสัดส่วนมากกว่า 3% ของการใช้พลังงานภายในประเทศภายในปี พ.ศ. 2579 บริษัท ที่มีบทบาทสำคัญด้านพลังงานจะมีบทบาทสำคัญในการรักษาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาของประเทศในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า

ทั้งนี้ นอร์ติส กรุ๊ป นับเป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนในเมืองไทย ซึ่งมีการลงทุนที่หลากหลาย และให้ความสำคัญกับธุรกิจบล็อกเชน ให้บริการด้านการลงทุนและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ให้ความช่วยเหลือด้านการวิจัย การออกใบอนุญาต งานวิศวกรรม และงานติดตั้ง นอกจากนั้น นอร์ติส ยังเป็นผู้คิดค้นระบบ "โซลาร์ลา" (SOLARLAA Platform) แอพพลิเคชั่นผู้ช่วยส่วนตัวที่ให้ความเห็นและคำแนะนำในการตัดสินใจลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ และการติดตั้งโซลาร์เซลล์บ้านหลังคาบ้าน ผ่านทางแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ (Mobile Device) ซึ่งมีผู้ใช้แล้วกว่า 513 อำเภอในประเทศไทย โดยสามารถช่วยคนไทยทั้งประเทศประหยัดค่าไฟได้ถึงเดือนละ 30%

"การประหยัดพลังงานเริ่มต้นง่าย ๆ ทุกคนสามารถทำได้ โดยเทคโนโลยีของแอพพลิเคชั่น "โซลาร์ลา" จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการประหยัดพลังงานร่วมกัน และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน" ประภารัตน์กล่าวปิดท้าย