วว.เปิดศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวันจังหวัดเชียงราย

20 Apr 2018
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ท่าน ว.วชิรเมธี) ผู้ก่อตั้งศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวัน ซึ่ง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้นำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เข้าไปพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้แก่วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่และโรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมี นายวิรัช จันทรา รองผู้ว่าการกลุ่มบริการอุตสาหกรรม วว. ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ วว. ร่วมเป็นเกียรติ ในวันที่ 20 เมษายน 2561 ณ ไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย
วว.เปิดศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวันจังหวัดเชียงราย

นายวิรัช จันทรา รองผู้ว่าการกลุ่มบริการอุตสาหกรรม วว. กล่าวว่า ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวันดังกล่าว เป็นผลสำเร็จในการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมของ วว. ใน "โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายและพัฒนาศักยภาพเชิงธุรกิจของวิสาหกิจชุมชนเครือข่ายข้าวอินทรีย์" ภายใต้การสนับสนุนจาก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยได้คัดเลือกโรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ ไร่เชิญตะวัน เป็นพื้นที่ดำเนินการ โดยมีชาวนาในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาเรียนรู้การทำการเกษตรบริสุทธิ์ ปลอดสารพิษ โดยไม่ใช้สารเคมี โดยใช้เกษตรทฤษฎีใหม?และการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง สามารถช่วยเหลือตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน

"...วว. เข้าไปพัฒนาศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวัน ในรูปแบบกระบวนการอบรมเพื่อให้เกษตรกรได้รับความรู้ และตระหนักเห็นประโยชน์ของการพัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจ (Cluster) การจัดทำแผนพัฒนาเครือข่าย (Cluster Roadmap) และการพัฒนาศักยภาพต้นน้ำ กิจกรรมภายใต้โครงการฯ ประกอบด้วย การให้ความรู้ในการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจข้าวอินทรีย์ ในเรื่องของการกำหนดอุดมการณ์ร่วมของกลุ่ม นำมาสู่การกำหนดวิสัยทัศน? พันธกิจ เป้าหมายการพัฒนา และภาพอนาคตที่พึงประสงค?เพื่อก่อให้เกิดอำนาจในการเจรจาต่อรอง การจัดการเพื่อลดต้นทุนในการผลิต การเข้าถึงแหล่งความรู้ต่างๆ การรวบรวมผลผลิต การหาช่องทางการตลาด เป็นต้น รวมทั้งการนำ วทน. ไปใช้ในการสร้างศักยภาพให้กับกลุ่มให้เข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ และสร้างรายได้ที่มั่นคง..." นายวิรัช จันทรา กล่าว

ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวัน ประกอบด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ดังนี้

1.เครื่องสีข้าวและข้าวกล้อง แบบ 2 in 1 มีประสิทธิภาพในการสีข้าวขาวและข้าวกล้องได้ในเครื่องเดียวกัน มีกำลังการผลิต 500-600 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ขนย้ายได้สะดวก สามารถรักษาคุณภาพของข้าวขาวได้มากกว่าข้าวแตกหัก ทำให้เพิ่มอัตราการผลิต ใช้ระบบไฟฟ้า 220 โวลต์ 50 เฮิร์ต และต้นกำลังจากเครื่องยนต์

2.เครื่องลดความชื้นเมล็ดพันธุ์พืช เพื่อพัฒนาคุณภาพและเพิ่มมูลค่าผลผลิตข้าวอินทรีย์ สามารถบรรจุข้าวเปลือกลงในถังบรรจุได้สูงสุด 500 กิโลกรัมต่อครั้ง สามารถลดความชื้นข้าวเปลือก จากค่าความชื้นเริ่มต้น 20 เปอร์เซ็นต์ ลดลงเหลือ 14% โดยใช้ระยะเวลาเพียง 3 ชั่วโมง มีกำลังการผลิตสูงสุด 2 ตันต่อวัน ใช้พลังงานความร้อน

จากแก๊สเอลพีจี และสามารถนำไปใช้อบลดความชื้นธัญพืชหรือสมุนไพรอื่นๆ ได้หลากหลาย เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ข้าวโพด กาแฟ ขิง ข่า ขมิ้น เป็นต้น

3.เครื่องผนึกสุญญากาศและเติมแก๊ส สามารถผนึกสุญญากาศวัสดุหลากหลายประเภทในเครื่องเดียว โดยผนึกสุญญากาศได้ทั้งซองพลาสติกหรือซองอะลูมิเนียมฟอยล์ มีระบบเติมแก๊สไนโตรเจนเข้าไปในซองระบบสุญญากาศ เพื่อลดการสันดาปของน้ำมันและอากาศ ช่วยป้องกันการเหม็นหืนได้เป็นอย่างดี ใช้งานและบำรุงรักษาง่าย

4.การวิเคราะห์ดินที่เหมาะสมในการเพาะปลูก ประกอบด้วย ชุดอุปกรณ์วิเคราะห์ดินทางเคมีในห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ชุดเครื่องมือสำหรับหาอินทรียวัตถุในดิน ชุดเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน ชุดเครื่องมือสำหรับหาปริมาณความต้องการปูนของดิน และชุดทดสอบอย่างง่าย ได้แก่ ชุดทดสอบ pH ดินอย่างง่าย ชุดทดสอบ N P K อย่างง่าย ชุดทดสอบหาอินทรียวัตถุอย่างง่าย ทั้งนี้การวิเคราะห์ดินดังกล่าวทำให้ เกษตรกรสามารถวิเคราะห์หาสมบัติดินทางเคมีพื้นฐานได? สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ได้จริง ลดค่าใช้จ่ายในการส่งตัวอย่างดินวิเคราะห์กับหน่วยงานที่รับวิเคราะห์ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดให้เกษตรกรกลุ่มอื่นๆได้

5. การพัฒนาศักยภาพปลายน้ำ วว. ประสานกับโครงการสานพลังประชารัฐ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ โอทอป วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ชุมชน ด้วย วทน. และมหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิปสสนาสากลไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของสมาชิกในเครือข่าย อันจะนำไปสู่ความยั่งยืนในการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม