น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้หลังจากวันหยุดยาวที่ผ่านมา โดยมองว่าได้ปัจจัยหนุนจากการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากได้รับผลดีจากนโยบายปฏิรูปภาษีทำให้ค่าใช้จ่ายภาษีลดลง
อีกทั้งทางจีนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีในช่วงไตรมาส 1/2561 ได้แก่ ตัวเลข GDP ขยายตัว 6.8% การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 8.9% การลงทุนด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว 10.4% และตลาดแรงงานจีนยังมีเสถียรภาพ และราคาน้ำมันทรงตัวใกล้ระดับราคาสูงสุดในรอบ 3 ปีหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน
ส่วนปัจจับที่คาดว่าจะมีผลเชิงลบต่อการลงทุนในสัปดาห์นี้ คือ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กแสดงความเห็นว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป 3-4 ครั้งในปีนี้ และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 3% ในที่สุด กดดัน fund flow ไหลออก โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา fund flow ผันผวนหนัก ขายสุทธิ 9.9 พันล้านบาท และคาดผลการดำเนินงานของแบงก์ใหญ่ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ยังถูกกดดันจากการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชี IFRS9 ขณะที่ยอดสินเชื่อสุทธิโดยรวมยังหดตัวเมื่อเทียบกับปลายปี 2560
ขณะที่ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่องในขณะนี้ ได้แก่ การประกาศงบของกลุ่มแบงก์พาณิชย์ในช่วงไตรมาส 1/2561 ภายในวันที่ 20 เม.ย.นี้ การเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค.และเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.พ. รวมทั้ง เปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเบื้องต้นเดือนเม.ย.ของกลุ่ม EU การรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ของสหรัฐ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะทราบผลในช่วงเช้าวันที่ 19 เม.ย. และการแจ้งตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.ของสหรัฐ รวมทั้งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะประชุมพิจารณาปรับสูตรราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น-ค่าการตลาด และในวันที่ 23 เม.ย. สหภาพยุโรป(EU) และสหรัฐจะรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย.
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนในกรอบที่สูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า คาด SETเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,745 -1,790 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ PSL, TTA ดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น 8%WTD สู่ 1,025 จุด หุ้น WORK, MONO, BEC ได้ประโยชน์จาก คสช.เตรียมออกคำสั่งมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลภายใน 1 สัปดาห์ หุ้น QH เป็นหุ้นมี yield สูงเฉลี่ยปีละ 6-7% ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER 10 เท่าต่ำกว่า PERที่ระดับ 17 เท่า แนะนำลงทุนระยะยาวรับเงินปันผล รวมทั้งหุ้นปันผลเด่นอื่นๆ เช่น BAFS, CRD, FTE, GLOW, KKP, NYT, SIS, SPRC, TISCO, QH, PDI, PL, AIT, AP, KIAT
ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิด false breakout และย่อกลับลงมาเคลื่อนตัวในกรอบทางเทคนิครูปสามเหลี่ยมแบบ descending เนื่องจากสงครามระหว่างพันธมิตรนาโต้ของสหรัฐฯกับฝ่ายรัสเซียที่ประจำการอยู่ในซีเรียไม่บานปลายออกไป โดยฝ่ายรัสเซียสามารถคุมสถานการณ์ไว้ได้ทั้งหมดด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่ามาก ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อผลของสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางว่าจะกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม สงครามในซีเรียยังคงอยู่ ซึ่งหากฝ่ายรัฐบาลพยายามจะรุกเข้ายึดพื้นที่ส่วนที่เหลือคืนได้จากฝ่ายกบฏ ก็อาจเกิดการปะทะใหญ่อีกครั้งและจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดน้ำมันและทองคำ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ขุดเจาะน้ำมันที่สำคัญของประเทศ
ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำให้เก็งกำไรในกรอบด้วยการรอจังหวะเข้าซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวลงในช่วง 1,300–1,315 ดอลลาร์ แล้วแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้นไปในช่วง 1,345–1,355 ดอลลาร์ และถือต่อถ้าราคาทะลุผ่าน 1,360 ดอลลาร์ขึ้นไปได้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit