ด้าน นางดาเรศร์ กิตติโยภาส โฆษกกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ได้กำชับให้สำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง จันทบุรีและตราด รายงานสถานการณ์การผลิตและการจำหน่ายไม้ผลภาคตะวันออกทุกสัปดาห์ โดยขณะนี้มีทุเรียนออกสู่ตลาดไปแล้ว 112,817 ตัน คิดเป็น 27.93% และผลผลิตที่ยังไม่เก็บเกี่ยว 291,089 ตัน คิดเป็น 72.07% (ข้อมูล ณ วันที่ 23 เมษายน 2561) ซึ่งในช่วงปลายเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2561 จะเป็นช่วงที่ทุเรียนออกสู่ตลาดมากที่สุด ไม่ใช่เป็นช่วงต้นฤดูกาลผลิตที่มักประสบกับปัญหาทุเรียนอ่อน อย่างไรก็ดีได้มีมาตรการป้องกันปัญหาการตัดทุเรียนอ่อนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตทุเรียนคุณภาพผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และมีการส่งเสริมในรูปแบบแปลงใหญ่ทุเรียนในภาคตะวันออก จำนวน 23,092 ไร่ มีสมาชิก 3,079 ราย ซึ่งการผลิตทุเรียนคุณภาพในรูปแบบแปลงใหญ่ เป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการผลผลิตทุเรียนเป็นไปอย่างมีระบบ การลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพผลผลิตตามมาตรฐาน GAP ส่งผลให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิก ถ่ายทอดองค์ความรู้และเชื่อมโยงเครือข่ายด้านการตลาดแก่เกษตรกรที่ยังไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกผ่าน ศพก.เครือข่าย สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้รับซื้อ ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศได้
สำหรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตทุเรียนคุณภาพ เริ่มตั้งแต่การเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียนที่มีความสุกแก่เต็มที่ หรือเก็บเกี่ยวทุเรียนในช่วงอายุที่เหมาะสมโดยนับจำนวนวันหลังดอกบานจนถึงเก็บเกี่ยวสำหรับพันธุ์กระดุมทอง อยู่ที่ประมาณ 90-100 วัน พันธุ์ชะนีประมาณ 105-110 วัน และพันธุ์หมอนทองประมาณ 120-135 วัน และมีข้อแนะนำในการจัดการผลผลิตด้วยการคัดขนาด คัดคุณภาพ แยกผลผลิตที่ด้อยคุณภาพออก และให้เกษตรกรทำความสะอาดผลทุเรียนอย่างดีก่อนที่จะส่งจำหน่าย
ส่วนมาตรการด้านการป้องกันการตัดทุเรียนอ่อน กรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ได้กำหนดแนวทางการดำเนินงาน ป้องกัน แก้ไขปัญหาเรื่องทุเรียนอ่อน เป็นนโยบายหลัก โดยกำหนดออกเป็น 3 แนวทาง ดังนี้ 1. แนวทางเชิงรุก ด้วยการสร้างความเข้าใจและเพิ่มทักษะความรู้ให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกร การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค การสร้างทีมเกษตรกรและหน่วยรับตรวจความสุกของทุเรียนก่อนการเก็บเกี่ยว 2. แนวทางเชิงรับ ด้วยการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อสกัดกั้นทุเรียนอ่อนระดับอำเภอและระดับจังหวัด 3. การนำบทลงโทษทางกฎหมายมาบังคับใช้อย่างจริงจัง ทั้งกฏหมายอาญามาตรา 271 ผู้ใดขายโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณแห่งของอันเป็นเท็จนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 47 ผู้ใดเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่น อันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณา หรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ในแต่ละจังหวัดยังมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มข้น เช่น จังหวัดจันทบุรี ซึ่งในพื้นที่ที่มีการปลูกทุเรียนมากที่สุด ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพเพื่อการส่งออกและส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าเกษตรคุณภาพของผู้ประกอบการร้านค้าปลีกจังหวัดจันทบุรี ฤดูกาลผลิตปี พ.ศ.2651 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธาน และมีเกษตรจังหวัดจันทบุรีเป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมคุณภาพไม้ผลและสุ่มตรวจควบคุมคุณภาพผลผลิต ซึ่งเป็นมาตรการระดับพื้นที่ที่สอดคล้องกันสำหรับผู้บริโภคมีข้อสังเกตง่ายๆ ก่อนซื้อทุเรียนในช่วงนี้ คือ
1. สังเกตก้านผล ก้านผลจะแข็งและมีสีเข้มขึ้น สากมือ เมื่อจับก้านผลแล้วแกว่งผลทุเรียนจะรู้สึกว่า ก้านผลทุเรียนมีสปริงมากขึ้น ก้านผลบริเวณปากปลิงจะบวมโตเห็นรอยต่อชัดเจน
2. สังเกตหนาม ปลายหนามแห้ง มีสีน้ำตาลเข้ม เปราะและหักง่าย ดังนั้น เมื่อมองจากด้านบนของผลจะเห็นหนามเป็นสีเข้ม หนามกางออก ร่องหนามห่าง เวลาบีบหนามเข้าหากันจะรู้สึกว่ามีสปริง
3. สังเกตรอยแยกระหว่างพู ผลทุเรียนที่แก่จัดจะสังเกตเห็นรอยแยกสีน้ำตาลบนร่องพูอย่างชัดเจน ยกเว้น บางพันธุ์ที่พูปรากฏไม่เด่นชัดเช่น พันธุ์ก้านยาว
4. การชิมปลิง ผลทุเรียนแก่จัด เมื่อตัดขั้วผลหรือปลิงออกจะพบน้ำใส ซึ่งไม่ข้นเหนียวเหมือนในทุเรียนอ่อน และเมื่อชิมดูจะมีรสหวาน
5. การเคาะเปลือกหรือกรีดหนาม เมื่อเคาะเปลือกผลทุเรียนที่แก่จัดจะมีเสียงดังหลวมๆ เสียงหนักหรือเบาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพันธุ์และอายุของต้นทุเรียน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit