นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ากำลังมุ่งมั่นสร้างการเติบโตทางธุรกิจจนมาถึงวันนี้ที่เราได้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 7.1% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมาสด้า ผมมีความภูมิใจที่เราได้พิสูจน์ให้เห็นว่าแบรนด์มาสด้านั้นเป็นแบรนด์ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีของรถยนต์ ด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ทันสมัยที่สุดในโลก เทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานระดับโลก และยังเป็นรถยนต์ที่ขับสนุกที่สุดที่มาพร้อมความแรง ความประหยัดน้ำมันและการออกแบบที่ล้ำสมัยตามแบบฉบับของโคโดะ ดีไซน์ นอกจากนี้เรายังได้เร่งการขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ ภายใต้ภาพลักษณ์ใหม่ทั้งหมดหรือ Mazda Corporate Identity ที่มีความหรูหรา สะดวกสบาย พร้อมให้บริการลูกค้าเกินกว่าที่ลูกค้าคาดหวังไว้ ส่งผลให้วันนี้ มาสด้ากลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยเฉพาะมาสด้า2 ขึ้นครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน นอกจากนี้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ยังได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยปี 2561 มีแนวโน้มสดใสขึ้น หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลมองว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP จะขยายตัวที่ 3.8% สำหรับทิศทางตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2561 คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 37.8 ล้านคน ขยายตัวประมาณร้อยละ 7.0 จากปี 2560 ซึ่งปัจจัยที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ การขยายเส้นทางการบินของธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายเส้นทางการบินของไทยที่เชื่อมไปยังเมืองรองของจีน เป็นต้น และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัดของประเทศไทย
สอดคล้องกับผลงานการวิจัยและจัดอันดับจากสถาบัน เจ.ดี. พาวเวอร์ ได้พิจารณารางวัล APEAL หรือ Automotive Performance, Execution and Layout ซึ่งได้สำรวจเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้ซื้อรถคันใหม่ในช่วงระยะเวลา 90 วันจากการได้เป็นเจ้าของ และในครั้งนี้รถที่ครองอันดับหนึ่งในหัวใจของผู้บริโภค คือ รถเอสยูวีมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ซึ่งสำรวจความพึงพอใจจากผู้ใช้เบื้องต้นโดยคำนึงถึง 5 ปัจจัย อันได้แก่ 1. การวางแผนผลิตภัณฑ์ โดยคำนึงถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการ 2. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ พิจารณาถึงการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความสำเร็จสูงสุด 3. คุณภาพของผลิตภัณฑ์ พิจารณาด้านการปรับปรุงและพัฒนายานพาหนะที่ใช้ในปัจจุบัน 4. การขายและการตลาด 5. รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ โดยพิจารณาถึงข้อดีของผลิตภัณฑ์ที่พนักงานขายควรให้ความสนใจ โดยจุดประสงค์ของ APEAL นั้น เป็นการศึกษาถึงความน่าดึงดูดใจและความพึงพอใจของเจ้าของที่มีต่อรถยนต์คันใหม่ในหลากหลายด้าน ซึ่งความหมายของคำว่าคุณภาพนั้นมิใช่พิจารณาเรื่องข้อผิดพลาดหรือการออกแบบที่ล้มเหลวเท่านั้น แต่รวมถึงการออกแบบ สมรรถนะและประโยชน์ใช้สอยด้วย ทั้งนี้ในภาพรวมของแบรนด์ มาสด้าสามารถทำคะแนนรวมได้ 906 คะแนน จากคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน ขึ้นแท่นอันดับที่ 5 ในปี 2560 ถือเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพด้านความพึงพอใจสูงสุดที่มาสด้ามอบให้แก่ลูกค้า ตอกย้ำจุดแข็งเรื่อง Feel the passion หรือการเน้นในเรื่องบริการหลังการขาย
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด แสดงความเห็นว่า มาสด้ามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทุกปีในเรื่องของการส่งเสริมกิจกรรมด้านการตลาด ทั้งในเรื่องของสื่อออนไลน์ สื่อออฟไลน์และสื่อดิจิตอล โดยในปีนี้เราได้ทำกลยุทธ์การตลาดที่สอดคล้องและเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้นเพื่อให้เกิดการเข้าถึงความต้องการและการรับรู้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านทาง Mazda Digital platform ทั้งช่องทางของเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ที่จะรวมเอาข้อมูลของแบรนด์มาสด้าสำหรับผู้ที่สนใจและกลุ่มผู้ใช้รถมาสด้าสามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่างๆ ได้ รวมถึงการใช้ Content-based Marketing ที่ให้เกิดความสนใจและตอบสนองความสนใจของผู้บริโภคได้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์โฆษณาชิ้นล่าสุดของมาสด้า 2 ที่เน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นจนถึงวัยเริ่มต้นทำงานที่มีไลฟ์สไตล์ที่สนุกเร้าใจในแบบที่ไม่ซ้ำทางใคร มีกิจกรรมท้าทายแบบใหม่ๆ ที่มีพลังและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชื่นชอบความสนุกเร้าใจ ผ่านสโลแกน "เร้าใจไม่เคยหยุด" นอกจากนี้เรายังสื่อสารผ่านช่องทางของสื่อสิ่งพิมพ์ สปอตโฆษณาทางวิทยุ โฆษณาสื่อกลางแจ้ง สื่อโฆษณา ณ จุดขาย (P.O.P.) โฆษณาทางสื่อออนไลน์ในเว็บไซต์ต่างๆ และสื่อของมาสด้าเอง เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง
โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางทางโซเชียลมีเดีย
เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial Facebook/YouTube/Instagram/LINE
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit