นายกฤช เอทเตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ STAR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ว่า
" หลังจากที่บริษัทฯได้มีการตัดขายธุรกิจสุขภัณฑ์ออกไปในกลางปี 2560 บริษัทฯสามารถบันทึกกำไรจากการขายธุรกิจดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 276.8 ล้านบาทซึ่งเงินสดที่ได้รับส่วนหนึ่งถูกนำไปใช้ลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลในประเทศออสเตรเลียออกมาจากกระบวนการฟื้นฟูในราคาที่ต่ำ ราคาที่ซื้อมาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมที่ประเมินโดยผู้ประเมินอิสระ ทำให้บริษัทมีกำไรจากการซื้อกิจการครั้งนี้อีก 101 ล้านบาท" นาย กฤช กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันธุรกิจของSTAR ประกอบด้วย 3 ธุรกิจ คือ ธุรกิจเทรดดิ้ง ซึ่งจะเป็นธุรกิจหลัก ที่บริษัทฯมีแผนร่วมเข้ารับช่วงงานในโครงการรถไฟฟ้าทางคู่ มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะเป็น ผู้จัดหาวัสดุก่อสร้างอาทิเหล็กและให้บริการงานที่ปรึกษาด้านอื่นๆ ให้กับบริษัทรับเหมา ซึ่งการที่บริษัทฯเป็นทั้งผู้ให้บริการ และเป็นผู้จัดหาวัสดุ จะส่งผลให้บริษัทฯมีมาร์จิ้นที่สูงขึ้นกว่าการทำธุรกรรมซื้อมาขายไปธรรมดา
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เข้าดำเนินการในธุรกิจรีไซเคิล ในประเทศออสเตรเลีย ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ใน บริษัท Star Shenton Energy Pty., Ltd. ("Shenton")จำนวน 60% อยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษาหาช่องทางลงทุนเพิ่มเพื่อให้ธุรกิจนี้ครบวงจร โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนอีกประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวมีอายุสัมปทาน 20 ปี โดยประเทศออสเตรเลีย มีปริมาณขยะรวมกันประมาณ 50 ล้านตันต่อปีหรือประมาณ 2 ตันต่อประชากรหนึ่งคนต่อปี(MRA Consulting, 2016) และหากพิจารณาเฉพาะบริเวณเมือง Perth, Western Australia ที่บริษัท บริษัท Star Shenton Energy Pty Ltd ตั้งอยู่นั้น ปริมาณขยะรวมอยู่ที่ประมาณ 7-8 ล้านตันต่อปี หรือประมาณ 2.6 ตันต่อประชากรหนึ่งคนต่อปี ซึ่งนับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ โดยปริมาณขยะนี้เพิ่มสูงขึ้นทุกๆ ปีและด้วยเหตุนี้ความต้องการด้านบริหารและจัดการด้านขยะจึงเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว จึงเป็นที่มาการลงทุนธุรกิจรีไซเคิล ดังกล่าว
และสุดท้าย คือ ธุรกิจด้านมีเดีย ภายใต้บริษัท สตาร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 100% ซึ่งจากเดิมธุรกิจดังกล่าวมีสัมปทานป้าย Mupi ที่ จ. ภูเก็ตอยู่แล้ว ดังนั้นบริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางการตลาดโดยขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร เพื่อเข้าไปให้บริการติดตั้งป้ายโฆษณา จำนวน 300 ป้ายทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ และหากว่าดีลการเจรจาสำเร็จ STAR จะใช้งบลงทุนในครั้งนี้ ประมาณ 150 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายกฤช กล่าวเพิ่มว่า สำหรับเม็ดเงินลงทุนในปี 2561 มาจากการเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 500ล้านบาท ตามมติผู้ถือหุ้นในช่วงก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าปี 2561 จะเป็นปีแห่งการทยอยเก็บเกี่ยวกำไรจากการประกอบการอย่างแท้จริง
" ธุรกิจเทรดดิ้ง เป็นหนึ่งในธุรกิจเดิมของ STAR อยู่แล้ว ในเมื่อบริษัทฯได้มีการขายธุรกิจหลักดั้งเดิม คือเครื่องสุขภัณฑ์ ออกไปช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการจึงเล็งเห็นว่าควรปรับธุรกิจด้านเทรดดิ้ง ขึ้นมาให้เป็น Core Business แทน เนื่องจากธุรกิจด้านเทรดดิ้ง สามารถเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นที่ดีเมื่อทำควบคู่ไปกับการให้บริการด้านอื่นๆที่เกี่ยวโยง ซึ่งจะเป็นผลดีในเชิงบวกของบริษัทฯ ขณะที่ธุรกิจมี่เดีย ที่Star เคยมีอยู่นั้น ก็จะขยายให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมทั้งยังเสริมทัพด้วยธุรกิจ รีไซเคิล ในประเทศออสเตรเลีย ด้วย " นายกฤช กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit