นายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผู้นำสีทาอาคารในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเจรจาราคาวัตถุดิบล่วงหน้ากับซัพพลายเออร์ เพื่อขอยืนราคาไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) ที่เป็นวัตถุดิบหลักในกระบวนการผลิตสีทาอาคารเป็นระยะเวลา 1 ปี (ตลอดปี 2561) โดยปริมาณที่ขอล็อคราคาล่วงหน้าคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของความต้องการใช้ในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการควบคุมต้นทุนการผลิตสินค้า หลังจากที่ราคาไทเทเนียมไดออกไซด์เป็นทิศทางขาขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาราคาปรับขึ้นแล้วประมาณ 20% และนับจากปลายปี 2560 ถึงปัจจุบันปรับขึ้นประมาณ 4% อย่างไรก็ตามประเมินว่าแนวโน้มราคาในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10%
ขณะเดียวกัน เมื่อเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา TOA ได้ทยอยปรับขึ้นราคาสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร (Decorative Paint and Coating Products) ซึ่งเป็นพอร์ตรายได้หลัก ทั้งเกรดพรีเมียม เกรดปานกลางและเกรดอีโคโนมี่เฉลี่ย 5% เพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น โดยมั่นใจว่าการปรับขึ้นราคาสินค้าครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับยอดขาย เนื่องจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันและเริ่มทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าแล้ว
จากแผนงานดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการเพิ่มขีดความสามารถการทำกำไรและอัตรา EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) โดยในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มอัตรา EBITDA เป็น 18.5% ซึ่งเป็นระดับปกติที่เคยทำได้ เทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 15.9% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและบริษัทฯ ชะลอการปรับขึ้นราคาสินค้าเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย
"เรามองว่าราคาไทเทเนียมไดออกไซด์ยังเป็นทิศทางขาขึ้นในปีนี้ แต่โดยรวมคงไม่ได้เห็นการปรับขึ้นราคาอย่างรวดเร็วเหมือนปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจได้วางแผนรับมือโดยเจรจากับซัพพลายเออร์ เพื่อขอยืนราคา ขณะเดียวกันก็ทยอยปรับขึ้นสินค้ากลุ่มสีทาอาคารเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงมุ่งบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงเชื่อว่าเราจะสามารถเพิ่มอัตรา EBITDA ได้ตามเป้าหมาย" นายพงษ์เชิด กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit